ปรับใช้ผ้าไทย ใส่สวยร่วมสมัย
4 ดีไซเนอร์จัดใหญ่ชุดไทยร่วมสมัย บนเวทีแฟชั่นใหญ่ใน “โครงการผ้าไทยร่วมสมัยเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 84 พรรษา”
ประยุกต์ศาสตร์ศิลป์ทั้งเก่าใหม่ จนกลายเป็นคอลเลกชั่นเสื้อผ้างดงามสมความเป็นไทย พร้อมนำมาแสดงบนเวทีแฟชั่นใหญ่ใน “โครงการผ้าไทยร่วมสมัยเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 84 พรรษา” โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้นในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ กับผลงานจากเหล่าดีไซเนอร์จาก 4 แบรนด์ดัง ได้แก่ พลัฏฐ์ พลาฎิ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ เรียลลิสติก ซิทูเอชั่น, ศิริชัย ทหรานนท์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ เธียเตอร์, วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ วิชระวิชญ์ และ ชัย เจียมกิตติกุล ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ ชัย โกลด์เลเบล พร้อมใจกันนำเสนอผลงานการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทยจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อย่างสุดฝีมือ บริเวณโซนอีเดน เซ็นทรัลเวิลด์ ค่ำคืนก่อน
โดยคอนเซ็ปต์การออกแบบของแต่ละคนได้ดึงเอาเอกลักษณ์ของผ้าไทยมาผสานเข้ากับจุดเด่นของแบรนด์ตัวเองได้อย่างลงตัว เริ่มจาก พลัฏฐ์ พลาฎิ เล่าถึงหลักในการออกแบบจะได้มาจากชุดฉลองพระองค์ โดยการดึงจุดเด่นต่างๆ มาใช้ ปรับให้เข้ากับคอนเซ็ปต์แบรนด์ด้วยซิลลูเอทที่ออกมาจึงค่อนข้างจะเป็นแนวกราฟฟิกผสานกับความคลาสสิก บวกกับผ้าที่ได้มาเป็นผ้ามัดหมี่คละลาย เป็นสีเอิร์ธโทนทั้งหมด จึงไม่มีการตัดต่อผ้า เพราะอยากให้เห็นความคมชัดของมัดหมี่ จริงๆ ร่วมกับการใช้วัสดุในการปักเป็นหิน กระจกสร้างลายขึ้นมาใหม่ไม่ล้อกับลายเดิม ให้มีความเก่าผสมกับความใหม่ เกิดการสะท้อนเมื่อโดนแสงทั้งบนเวทีและแสงธรรมชาติ แต่ไม่เว่อร์จนเกินไป
ถัดมาที่ ศิริชัย ทหรานนท์ เผยแนวคิดหลักของคอลเลกชั่นนี้ว่า ต้องการเสื้อผ้าที่เป็นทางการแต่มีความสนุกเพราะจะทำให้ผ้าไหมดูโก้ขึ้น ในคอนเซ็ปต์ “หนุ่มนาข้าว” ด้วยการผสมผสานระหว่างผ้าขาวม้ากับมัดหมี่ มาทำเป็นงานปักบนตัวชุดเพื่อสร้างเท็กเจอร์ให้เสื้อผ้าดูน่าสนใจขึ้น ซิลลูเอทโดยรวมท่อนล่างจะค่อนข้างใหญ่กว่าท่อนบน เพราะจะทำให้ชุดที่เป็นทางการดูใส่ง่าย เปลี่ยนมาใส่แบบลำลองได้ ส่วนในเรื่องของสีก็เลือกเป็นสีม่วงเป็นหลัก ส่วนตัวลายเป็นโทนสีเดียวกันแต่แตกต่างกันด้วยการทอ เพิ่มมิติ มีวอลุ่ม ไม่ดูโบราณ มีฟอร์มสูทสั้นกับกางเกงขาบาน ทำให้ดูเด็กลง จับต้องได้
ต่อมาที่ วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข เผยว่า สำหรับการออกแบบชุดนี้พยายามนึกถึงชีวิตของคนอีสานที่สนุกสนานของคนอีสาน เพราะอยากทำให้ทุกคนมีแรงบันดาลใจในการนำผ้าไทยพื้นบ้านไปใช้ต่อในชีวิตประจำวัน ผ้าที่ใช้ทั้งหมดจะเป็นผ้ามัดหมี่ โครงเสื้อเป็นชุดระบายเน้นความเรียบง่าย เด่นที่สีสันสนุกสนาน ทั้งชุดกระโปรงและมีแยกชิ้น ความท้าทายอยู่ที่การผสมสี โดยผ้าหลักๆ เราใช้เป็นผ้ามัดหมี่และมีผ้าทอพื้นเมืองด้วย ทุกชุดต้องมีการตัดต่อผ้าหลายชนิด เอาสิ่งที่มีอยู่มาผสมผสานกัน เพราะคนอีสานมีความสนุกอยู่ อย่างเวลาแต่งตัวไปงานวัดงานวา จะไม่สนใจเรื่องคู่สีเลย ขอให้รู้สึกสนุกไว้ก่อน
ปิดท้ายที่ ชัย เจียมกิตติกุล เอ่ยถึง คอลเลกชั่นนี้ชื่อว่า “เจียระไน” ซึ่งมาจากแนวคิดเรื่องการสร้างมิติให้แก่ชุดด้วยรูปทรงเรขาคณิตจนเกิดเป็นเหลี่ยมมุมเหมือนกับการเจียระไนเพชร ผ้าที่ใช้จะเป็นผ้าไหมมัดหมี่ โทนสีน้ำตาลทอง, ส้มอิฐ, เหลืองมัสตาร์ด แนวเอิร์ธโทน ทุกครั้งที่ทำงานกับผ้าไทยก็เหมือนเป็นการท้าทายความคิดสร้างสรรค์ตัวเอง พอได้ผ้ามาก็อยากทำอะไรให้น่าสนในมากขึ้น โดยทดลองนำผ้ามาปักลงบนผ้าตาข่ายอีกที ตัดผ้ามาปักเป็นชิ้นๆ ตามรูปทรงเรขาคนิตทับกัน เพื่อสร้างมิติให้ชุดและตัวผ้า และที่เรียกคอลเลกชั่นนี้ว่า ‘เจียระไน’ ก็เพราะผ้าไทยเป็นสิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรื้อฟื้นจากงานสมัยก่อนจากชาวบ้านทำใช้กันเองให้นำมาเป็นอาชีพเลี้ยงดูตัวเอง ก็เหมือนพระองค์ทรงเจียระไนทำให้ผ้าไทยมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น