เกย์หนุ่ม มะกันงดเซ็กส์ 1 ปีเพื่อบริจาคเลือด
เกย์หนุ่ม บอสตันมุ่งมั่นงดเพศสัมพันธ์ครบ 1 ปีเพื่อบริจาคเลือดได้ และเพื่อรณรงค์ปรับแก้กฎ ลดอุปสรรคเกย์บริจาคเลือด
ตามนโยบายสำนักงานยาสหรัฐ (เอฟดีเอ ) ไม่อนุญาตให้ชายชาวเกย์ บริจาคโลหิต เว้นแต่ไม่มีเพศสัมพันธ์เลยเป็นเวลา 1 ปี ในขณะที่สหรัฐมีปัญหาขาดแคลนเลือดเป็นระยะ เกย์หนุ่ม เจย์ ฟรานโซน ชาวเมืองบอสตัน วัย 21 ปี ตัดสินใจละเว้นกิจกรรมทางเพศทั้งหมด เป็นเวลาหนีงปีเต็ม ซึ่งจะครบกำหนดมกราคม 2560 เพื่อให้สามารถบริจาคเลือดได้ และเพื่อแสดงให้เห็นว่ากฎการบริจาคเลือดในสหรัฐนั้น เหลวไหล
กาชาดอเมริกันเพิ่งออกประกาศขอรับบริจาคเลือดและเกล็ดเลือด หลังยอดบริจาคตั้งแต่ต้นปีถึงกรกฎาคม ต่ำกว่าที่คาด 3.9 หมื่นราย ขณะมีผู้ป่วยต้องการโลหิตจำนวนมาก
ฟรานโซน ซึ่งเป็นโฆษกของกลุ่มรณรงค์เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงนโยบายบริจาคเลือดของชาวเกย์ ( National Gay Blood Drive) ด้วย ให้สัมภาษณ์กับ ดิ อินดิเพนเดนท์ ว่า ต้องการให้สหรัฐปรับเกณฑ์ผู้มีคุณสมบัติบริจาค ให้ใกล้เคียงกัน อย่างเพื่อนสนิทของเขา หลับนอนกับผู้หญิง 25 คนในหนึ่งเดือน แบบไม่ป้องกัน แต่บริจาคเลือดได้ แต่สำหรับเขา ไม่อาจมีเพศสัมพันธ์ได้แม้แต่หนเดียว จึงจะบริจาคเลือดได้ เป็นเรื่องตลกมาก หากนำความเสี่ยงมาเปรียบเทียบกัน และว่าทางการยังคงยึดนโยบายบริจาคเลือด บนตราบาปที่ว่า เกย์เท่ากับเอชไอวี
หนุ่มบอสตัน อ้างว่า ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้ปัจจัยเสี่ยงเป็นแนวทางในการวิเคราะห์แนวโน้มที่ผู้บริจาค อาจมีโรคติดต่อทางเลือดได้อย่างแม่นยำกว่าการยึดเพศวิถีเป็นที่ตั้ง เพราะทำให้ชายเกย์และไบเช็กชวล ได้รับผลกระทบมากในทางลบ แต่คนกลุ่มเสี่ยงสูงอื่นๆ กลับไม่ถูกห้ามบริจาคเหมือนกัน
สถิติพบว่า ชาวอเมริกันผิวดำมีแนวโน้มติดไวรัสเอชไอวีมากกว่าคนผิวขาว 8 เท่า แต่หนุ่มรายนี้ระบุว่า สหรัฐจะไม่ห้ามคนผิวดำบริจาคเลือด เพราะนั่นคือเหยียดผิว
การบริจาคเลือดของชาวเกย์ กลับมาเป็นประเด็นถกเถียง หลังการยิงสังหารหมู่ 49 ศพ ที่ไนท์คลับยอดนิยมของชาวหลากหลายทางเพศในเมืองออร์ลันโด รัฐฟลอริดา เมื่อมิถุนายน มีความต้องการเลือดด่วนจำนวนมากสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ชาวเกย์ไม่อาจช่วยเหลือได้ และนายกเทศมนตรีเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ทวิตในตอนนั้นว่า การซื้อปืนไรเฟิลสักกระบอกของชายชาวเกย์ในประเทศนี้ ง่ายยิ่งกว่าการบริจาคเลือดเสียอีก
เดิม เอฟดีเอห้ามชายเกย์ บริจาคเลือดตลอดชีวิต แต่เพิ่งผ่อนปรนเมื่อปีที่แล้ว เป็นให้งดเพศสัมพันธ์ 12 เดือนก่อนบริจาค โดยอ้างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และจะวิจัยปรับเปลี่ยนต่อไปในภายหน้าหากมีข้อมูลใหม่