คุมนำเข้าข้าวสาลีหวังแก้ข้าวโพดราคาตก
ครม.เห็นชอบมาตรการคุมนำเข้าข้าวสาลี หวังช่วยแก้ปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ พร้อมกำหนดสัดส่วนนำเข้าต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1 ต่อ 3 ราคา ก.ก.ละ 8 บาท
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการบริหารจัดการการนำเข้าวัตถุดิบอื่นเพื่อทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อช่วยเหลือเกษตกรผู้ปลูกข้าวโพดในภาวะที่ราคาตกต่ำ โดยเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมาตรการกำหนดให้ข้าวสาลีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 1001.99.90 คือข้าวสาลีเพื่อนำมาใช้เลี้ยงสัตว์เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พร้อมทั้งกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศในอัตราส่วน 1 ต่อ 3 ซึ่งหมายความว่า หากมีการนำเข้าข้าวสาลี 1 ตัน จะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศปริมาณ 3 ตัน ในราคาหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 8 บาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ มีประมาณ 7-8 ล้านตันต่อปี แต่สามารถผลิตได้ปีละ 4-4.5 ล้านตันเท่านั้น ทำให้มีความจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบอื่นเข้ามาทดแทน เช่น ข้าวสาลี แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราคาข้าวสาลีตกต่ำลงมาจนถูกกว่าราคาข้าวโพดในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการหันไปนำเข้าข้าวสาลีมากขึ้น โดยปี 2558 นำเข้ามาประมาณ 3.9 ล้านตัน และในปีนี้ 9 เดือนแรก นำเข้ามาแล้ว 2.77 ล้านตัน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ว่ากระทรวงฯ มีมาตรการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว ซึ่งเบื้องต้นได้ขอความร่วมมือโรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ความชื้น 14.5% ในราคาไม่ต่ำกว่า ก.ก.ละ 8 บาท โดยที่ผ่านมามีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง แสดงความกังวลกรณีการนำเข้าข้าวสาลีที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2557 ที่มีการนำเข้าเพียง 5.93 แสนตัน ปี 2558 นำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.46 ล้านตัน และคาดว่าปี 2559 จะมีการนำเข้าสูงถึง 5 ล้านตัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และราคามันเส้น ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง