ข่าว

 2 ขรก.ดีเอสไอโดนข้อหาฟอกเงิน

 2 ขรก.ดีเอสไอโดนข้อหาฟอกเงิน

11 พ.ย. 2559

ดีเอสไอทยอยแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินกับกลุ่มนายหน้าขายที่ดินสหกรณ์คลองจั่น

 

          – 11 พ.ย. 59 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า ดีเอสไอยังคงเดินหน้าสอบสวนคดีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดการสอบสวนคดีฟอกเงินในกลุ่มของนายหน้าขายที่ดิน ซึ่งเชื่อมโยงกับการนำที่ดินของสหกรณ์ไปขายให้กับบริษัท พิษณุโลก เอทานอล จำกัด หรือคดีพิเศษที่ 42/2559 ขณะนี้พนักงานสอบสวนสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 อยู่ระหว่างการเรียกผู้เกี่ยวข้องในการรับเช็คจากการขายที่ดินกว่า 10 ราย ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน โดยในส่วนของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ พนักงานสอบสวนได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำกลางบางขวางไปแล้ว ตั้งแต่วันที่8พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว4คน โดยในวันนี้(11พ.ย.) พนักงานสอบสวนคดีอาญาพิเศษ3ได้แจ้งข้อหากล่าวหากับข้าราชการดีเอสไอ2 ราย ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงินที่มาจากการซื้อขายที่ดินดังกล่าว โดยมีพยานหลักฐานชี้ว่าเช็คที่สั่งจ่ายโดยนายศุภชัยมีการถ่ายโอนหลายทอด ซึ่งเส้นทางการเงินส่วนหนึ่งไปปรากฏในบัญชีเงินฝากของข้าราชการรายดังกล่าว เป็นจำนวนเงิน 20-40 ล้านบาท

        อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า การสอบสวนของดีเอสไอจะเดินหน้าไปตามพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการกับผู้มีชื่อรับเช็คสั่งจ่ายจากนายศุภชัยทุกราย สำหรับการดำเนินการทางวินัยเรื่องการสั่งพักราชการกับข้าราชการดีเอสไอที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้น ต้องรอตรวจสอบรายละเอียดในสำนวนก่อน แต่ขณะนี้ทั้งข้าราชการทั้ง2ราย ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานสอบสวนคดีทุกประเภทแล้ว

         ด้าน พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ3 กล่าวว่า หลังทยอยแจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว จะเร่งสรุปสำนวนสั่งฟ้องภายในต้นเดือนธ.ค.นี้ ในส่วนของนายณฐพร โตประยูร ซึ่งเป็นผู้มีชื่อรับเช็ค และนายรัฐสิทธิ์ โตประยูร ลูกชาย พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินไปแล้วก่อนหน้านี้

         สำหรับคดีฟอกเงินในกลุ่มนายหน้าค้าที่ดิน สืบเนื่องมากจากการร่วมกันถอนอายัดโฉนดที่ดินของพนักงานสอบสวนดีเอสไอและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยนายศุภชัยอ้างว่าต้องการขายที่ดินเพื่อนำเงินมาคืนให้กับสหกรณ์ฯ แต่ปรากฏว่ามีการขายที่ดินได้เงิน 477 ล้านบาท แต่นายศุภชัยนำเงินคืนให้สหกรณ์ฯเพียง 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 249 ล้านบาท นายศุภชัยนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัว โดยมีการชี้แจงภายหลังว่ามีการจ่ายค่านายหน้าขายที่ดินวงเงิน 60 ล้านบาท ทำให้ดีเอสไอต้องสอบสวนเป็นคดีฟอกเงินเพื่อติดตามเงินส่วนที่หายไปกลับคืนให้สหกรณ์ฯ

        สำหรับคดีฟอกเงินเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯที่เตรียมสั่งฟ้องต่ออัยการอีก3คดี ประกอบด้วย คดีพิเศษที่68/2558 และคดีพิเศษที่70/2558 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินระหว่างนายศุภชัย กับนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย กรณีพบการยักยอกเงินจากสหกรณ์ไปให้นายสถาพร ซึ่งนำเงินดังกล่าวไปซื้อที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ในนามของตนเองและบริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้ง กรุ๊ป(ประเทศไทย) จำกัด และคดีพิเศษที่99/2558ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน กรณีพบว่านายศุภชัยสั่งจ่ายเช็คที่ได้จากการยักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮม เอสพีวี2เสียหายกว่า320ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย เป็นหนึ่งในผู้มีชื่อถือหุ้นแทนแทนนายศุภชัยด้วย ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ระหว่างตรวจหลักฐานในสำนวนก่อนเสนอให้อธิบดีดีเอสไอลงนามสั่งฟ้องคดี