ลูกทรพีคิดฆ่าพ่อ!จุดไฟเผาบ้านวอด
เหลือเสื้อผ้าติดตัวแค่ชุดเดียว !! พ่อสุดช้ำใจลูกชายแท้ ๆ จุดไฟเผาบ้านวอดทั้งหลัง ก่อนฉวยรถจยย.เพื่อนบ้านขับหลบหนี-ตำรวจเร่งล่าตัว
19 พ.ย.59 เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย ไตรบุตร รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในหมู่บ้านหัวฝาย เลขที่ 32/31 ม.22 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดพบรถน้ำดับเพลิงจาก อบต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ กำลังใช้น้ำฉีดดับเพลิงอยู่จำนวน 1 คัน จนกระทั่งเวลา 05.30 น. จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่ตัวบ้านได้ถูกไฟไหม้เผาวอดไปหมดแล้วทั้งสองหลัง ซึ่งปลูกสร้างติดกัน ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ชั้นบนเป็นไม้และชั้นล่างเป็นคอนกรีต และเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว 1 หลัง
จากการสอบสวนทราบว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ้านในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากลูกชายของเจ้าของบ้านเอง คือ นายสรศักดิ์ คำพระ อายุ 32 ปี เป็นผู้ลงมือจุดไฟเผาบ้าน โดยเพลิงได้เริ่มลุกไหม้ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.50 น. ก่อนที่นายสรศักดิ์ จะเดินเข้าไปปลุกนายเดชา ขันตรี อายุ 47 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน โดยบอกกับนายเดชาว่าได้จุดไฟเผาบ้านแล้ว ก่อนจะคว้าเอารถจักยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค ของนายเดชาขับหลบหนีออกไป
ขณะที่เพื่อนบ้านอีกรายนั้นเห็นเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณตัวบ้านชั้นเดียวก่อน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนายสมพงษ์ คำพระ อายุ 55 ปี พ่อของนายสรศักดิ์ และนางสนิท คำพระ อายุ 48 ปี ก่อนจะลุกลามเข้าไปลุกไหม้ยังบ้านสองชั้นที่นายสรศักดิ์ อาศัยอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือดับไฟให้ เนื่องจากนายสรศักดิ์ มีรูปร่างล่ำสูงใหญ่ จึงต้องรอให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อน ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงจนลามไหม้บ้านเสียหายทั้งหมด
ด้าน นายสมพงษ์ ให้การว่า ได้ถูกลูกชายแท้ๆ ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดจองเวรเข้ามาทำร้ายร่างกาย และพยายามที่จะฆ่าหลายครั้งแล้ว เนื่องจากในช่วงอายุ 11-12 ปี ได้เคยตีอบรมสั่งสอนลูกชายบ่อยครั้ง เนื่องจากไม่ค่อยช่วยงาน และไม่สนใจการเรียนหนังสือ จึงเกิดความแค้นและจำฝังใจมาโดยตลอด นายสุรศักดิ์เป็นบุตรชายคนโต จากทั้งหมด 3 คน และทุกครั้งที่ดื่มสุราจนเมาจะพยายามหาเรื่องเข้ามาทำร้ายตน ทั้งที่ตนก็เป็นหุงหาข้าวปลาเอาไว้ให้กินอยู่ทุกวัน เพราะไม่ยอมทำการทำงานอะไร
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนต้องหนีออกไปหาที่ซ่อนตัวอยู่ตามบ้านเพื่อน หรือตามกระท่อมเฝ้าไร่อยู่เป็นประจำ เดือนละประมาณ 2-3 ครั้ง และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา มีบางครั้งตนถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นกรามแตก ทุกวันนี้ลูกชายคนรอง และเพื่อนบ้านต้องคอยช่วยเหลือพาไปหาที่หลบซ่อนตัวให้ เพราะเวลาที่ลูกชายเมาสุราจะทำร้ายและขู่จะฆ่าให้ตายทุกครั้ง กระทั่งภรรยาของตนทนอยู่ไม่ได้ ต้องพาลูกหลานหนีไปอยู่ที่กรุงเทพฯ
“ถ้าตำรวจทหารจับตัวได้ เขาอยากจะเอาไปทำอะไรก็เอาไปทำได้เลย ไม่ว่าหรอก เพราะสุดจะทนเต็มทีแล้ว ทุกวันนี้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว มีเสื้อผ้าเหลือติดตัวอยู่แค่ชุดเดียว เพราะทรัพย์สมบัติไม่มีอะไรเหลือติดตัวอยู่เลย ทั้งข้าวของเครื่องใช้ รถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่จอดเอาไว้ในบ้านก็ถูกไฟเผาจนหมด และถ้าวันนี้ผมไม่หนีไปนอนที่อื่น ก็คงถูกลูกทรพีฆ่าตายไปแล้ว” นายสมพงษ์ กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าวว่า ขณะนี้ทางชุดสืบสวนกำลังติดตามหาตัวนายสรศักดิ์ ผู้ลงมือก่อเหตุวางเพลิงในครั้งนี้อยู่ และเชื่อว่ายังหลบหนีไปได้ไม่ไกลนัก โดยอาจจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ ส่วนการดำเนินคดีนั้นต้องรอสอบปากคำจากทางฝ่ายผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นผู้เสียหายก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นพ่อลูกกัน" ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าว