ข่าว

ดราม่านั่งรถไฟ "ใครผิด-ใครถูก" 

ดราม่านั่งรถไฟ "ใครผิด-ใครถูก" 

30 ธ.ค. 2559

นั่งรถไฟซื้อตั๋วยืนแต่ขอความเห็นใจขอนั่งเก้าอี้ แขวะ นศ.ไม่มีน้ำใจ เจอชาวเน็ตรุมจวกกลับต้องลบกระทู้ทิ้ง

     กลายเป็นประเด็นร้อนทางโซเชียล หลังมีสมาชิกพันทิป www.pantip.com เข้ามาโพสต์กระทู้เรื่อง "เหตุการณ์แบบนี้ ใครผิด ใครถูกครับ / นักศึกษามหาลัยแห่งหนึ่งซื้อตั๋วรถไฟหลายใบ แต่มาใช้จริงน้อยกว่าจำนวนตั๋วที่ซื้อ" โดยสมาชิกดังกล่าวอ้างว่าเพื่อนให้มาตั้งกระทู้ถาม แต่หลังจากตั้งกระทู้ดังกล่าวได้ไม่นานก็ถูกโจมตีอย่างหนักจนต้องลบกระทู้ดังกล่าวไป 
    ประเด็นดังกล่าว เริ่มจากการที่สมาชิกพันทิปที่เป็นผู้ตั้งกระทู้ โพสต์ข้อความะบุว่า ได้เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน รวม 5 คน โดยเลือกใช้บริการรถไฟ จอง "ตั๋วยืน" ไป ซึ่งขึ้นจากสถานีหัวลำโพง ขณะรถออกเห็นทุกคนได้นั่งกันหมด และยังมีที่ว่าง ก็เลยนั่งจนถึงสถานีอยุธยา ปรากฏว่ามีกลุ่มนักศึกษาประมาณ 10 - 15 คนขึ้นมา แล้วจู่ๆ นายตั๋วก็มาไล่ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ทั้งหมดให้ไปโบกี้อื่น พร้อมประกาศว่า “น้องๆ นักศึกษาได้จองไว้หมดแล้ว” พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง เพราะมีหลายคนที่ถูกไล่ที่ไป ต้องนั่งตรงบันได มันอันตราย บางคนต้องยืนกว่า 10 ชม. บางคนก็ไปยืนรวมกันตรงที่ล้างมือ บ้างก็นั่งบริเวณหน้าห้องน้ำ ที่สำคัญ มีแม่ที่มีลูกน้อยต้องไปนั่งตรงที่เป็นอ่างล้างหน้าของโบกี้รถไฟ แต่ดีที่เขาลงแค่นครสวรรค์
           " เข้าใจเงินซื้อตั๋วเป็นเงินของคุณ คุณจะใช้จ่ายยังไงก็ได้ แต่ช่วงนี้มันเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ทุกคนก็อยากกลับบ้านกันทั้งนั้น ถ้าคุณซื้อตั๋วตามจำนวนคนที่มา ทุกคนก็จะได้นั่งได้พอดี อาจมีขาดเหลือบ้างแต่มันก็น้อย แล้วพวกคุณมากันแค่ 10 กว่าคน แต่เล่นจองตั๋วกัน 60 ที่ เพื่อจะได้นอนได้สบาย แต่คนอื่นต้องยืนเป็น 10 ชม. ต้องนั่งหน้าห้องน้ำ ต้องนั่งหน้าคนขับ ต้องนั่งตรงบันได " กระทู้ดังกล่าวระบุ

ดราม่านั่งรถไฟ \"ใครผิด-ใครถูก\" 
    นอกจากนี้ผู้โพสต์กระทู้ยังระบุด้วยว่า ขอเสนอให้ นศ.เหล่านี้ ซื้อ "ตั๋วนอน" จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น และฝากถามพฤติกรรมของนักศึกษากลุ่มนี้ชอบประกาศตัวว่า “เลิศน้ำใจ วินัยดี เชิดชูประเพณี สามีคคี อาวุโส” คำนี้คงไว้ใช้สำหรับป่าวประกาศกันเพื่ออวดอ้างให้ตัวเองดูเหมือนจะเป็นคนดีกันแค่คำพูดใช่ไหม ?
    อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการโพสต์กระทู้ลงในเว็บพันทิปไว้ ก็มีสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย โดยส่วนใหญ่เห็นว่า เจ้าหน้าที่รถไฟทำถูกแล้ว ที่ให้ผู้โดยสารที่ซื้อ "ตั๋วยืน" ไปใช้โบกี้อื่น และสนับสนุนกลุ่มนักศึกษาเพราะเห็นว่าเป็นการทำตามสิทธิที่สมควรได้รับ คนที่ซื้อ"ตั๋วยืน" ก็ไม่ควรเรียกร้องขอที่นั่งจากคนที่ซื้อ"ตั๋วนั่ง" พร้อมทั้งแนะนำให้ นศ.ฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของกระทู้ 
    “คุณต้องแยกให้ออกนะ ถูกผิด กับเรื่องนํ้าใจ นศ.กลุ่มนี้มีสิทธิ์ที่จะทําแบบนี้ แล้วไม่ถือว่าแล้งนํ้าใจด้วย พวกเขาจะแบ่งที่นั่งให้ นั่นเรียกว่า มีนํ้าใจ ถ้าไม่ให้นั่งก็ไม่ได้ผิดอะไร ส่วนเรื่องตั๋วยืน บริหารจัดการไม่ดีเอง ไม่จองล่วงหน้า แล้วรู้อยู่แล้วว่าต้องยืน ก็ยังจะซื้อตั๋วกันขึ้นมา แบบนี้ถือว่ายอมรับสภาพว่าต้องยืนไปตลอดทางเรียบร้อยแล้ว ก็เหมือนรถเมล์รถไฟฟ้าอะ เห็นคนเต็มรถขึ้นมาก็รู้อยู่แล้วต้องมายืน พอมายืนก็มากดดันคนนั่ง บางรายถึงกับพูด - ดันระยะเผาขนเลย ทําแบบนี้ไม่ดีนะ”
           " ผมไม่มั่นใจว่า นศ. จะผิดนะครับ คือ นศ. ซื้อตั๋วแบบนี้จำนวนที่นั่งนี้มา เขาก็มีสิทธิ์ ไม่ว่าจะซื้อกี่ที่มาจริงกี่คน คนที่ซื้อตั๋วยืนจะเรียกร้องอะไรไม่ได้ อาจได้แค่ขอ ถ้าไม่ได้ก็จบ”
           " ถ้ามองแบบทุนนิยม นักศึกษาก็มีสิทธิ์ที่จะทำครับ เพราะมันเป็นเงินของเขา และเค้ามีสิทธิ์ที่จะซื้อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าหากมองในเรื่องสังคม ก็ควรจะรู้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนเดินทางกลับบ้านเป็นจำนวนมาก”

    หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีสมาชิกพันทิป ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษา เข้ามาชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้ในกระทู้พันทิป
    " หนูเป็นนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดค่ะ พวกหนูไปแข่งขันประเพณีสี่จอบที่ ม.อุบลฯ จำนวนนศ.ทั้งหมดประมาณ 60 คน ได้จองตั๋วไปกลับก่อนหน้าที่จะไปแล้ว จำนวน 60 ที่ พวกหนูขึ้นรถไฟวันที่ 20 ธ.ค.จากเชียงใหม่ถึงอยุธยาตอนเช้าวันที่ 21และต่อรถไฟไปอุบลฯ งานเริ่มวันที่ 22-26 ธ.ค. พวกหนูขึ้นรถไฟกลับจากอุบลฯ ตอนห้าโมงครึ่งวันที่ 27 ถึงอยุธยาตอน 7 โมงเช้าวันที่ 28 ตั๋วที่พวกหนูจองจากอยุธยากลับเชียงใหม่ คือ 5 ทุ่มครึ่งแต่ว่าวันนั้นรถไฟมาเลทประมาณเที่ยงคืน ตอนขึ้นรถไปก็มีคนนั่งอยู่ที่ๆพวกหนูจองไว้หมดแล้ว หนูไม่มีที่นั่งเลย และของที่พวกหนูเอามาคือเยอะมาก กระเป๋า ของที่ใช้ในการแข่ง แล้วพวกหนูต้องขนขึ้นรถไฟให้ทันเวลาที่เขากำหนดมา เพราะมันเป็นทางผ่านเฉยๆ หนูเลยไม่รู้จะทำไงเพราะว่าของก็วางเต็มทางเดินไปหมด หนูก็เข้าใจนะคะว่าการที่ให้คนแก่กับเด็กลุก ให้พวกหนูนั่ง มันไม่ถูก หนูก็ขอโทษจริงๆ แต่การที่มีคนมานั่งในที่ๆพวกหนูเสียเงินจ่ายไปแล้ว ถึงแม้ตอนนั้นพวกหนูมากันไม่ถึงครึ่ง เพราะว่าได้มีคนกลับไปก่อนแล้วบางส่วนแต่ตั๋วมันได้จองไว้ก่อนแล้ว 60 ที่ ถ้าสมมุติวันนั้นพวกหนูมากันครบตามจำนวนที่จองไว้ พวกหนูก็จะไม่ได้นั่งในที่ๆพวกหนูจ่ายเงินไปแล้วใช่ไหมคะ พี่ลองคิดถึงว่าเป็นพี่ พี่จ่ายเงินไปแล้วพี่จะให้คนอื่นนั่งแทนที่พี่ แล้วพี่ก็จะยืนแทน โดยที่ไม่ท้วงเลยใช่ไหมคะ หลังจากที่พวกหนูจัดพื้นที่เสร็จแล้ว คือพวกหนูใช้กันแค่ประมาณ 34 ที่ค่ะ เพราะมีของที่เอาไว้บนชั้นวางไม่ได้ เช่น กล่องพลาสติก คูลเลอร์น้ำ แล้วที่ๆเหลืออีกเกือบ 30ที่ ก็ให้คนที่เหลือนั่งหมดเลยค่ะ แล้วที่ๆพวกหนูนั่งมันก็ยังมีที่เหลืออีก 2-3 ที่ เพื่อนหนูก็ไปบอกให้คนแก่กับเด็กมานั่งแล้วค่ะ แล้วภาพที่พี่ถ่ายมา ทำไมพี่ไม่ถ่ายตอนที่พวกหนูเอาคนอื่นมานั่งด้วยคะ ตอนที่เกิดเหตุเป็นเวลาเกือบตีหนึ่ง ตอนที่พี่ถ่ายมันเป็นตอนเช้า คนมันโล่งมากแล้ว คนที่นั่งกับพวกหนูก็ลงไปเกือบหมดแล้ว เดี๋ยวจะมีคลิปการสนทนาบางตอนกับพนักงานตั๋วรถไฟครับ"
    จากนั้นได้ลงรายละเอียดคลิป ซึ่งในคลิปเป็นการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รถไฟ โดย นศ.ผู้ชาย บอกว่าเคลียร์ของแล้ว ก็ให้ที่กับคนอื่นนั่งและมี นศ.หลายคนก็เออออกับเพื่อนไปด้วย ไม่ได้หวงที่นั่งแต่อย่างใด
    นอกจากนี้ในช่วงเย็นวันที่ 30 ธันวาคม ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยนายพิพัฒน์ หงษ์สำโรง นายกสโมสรนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตร และ ดร.กอบลาภ อารีศรีสม อาจารย์ที่ปรึกษาสโมสรนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตร ต้นสังกัดของกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ก็ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย
    แจงลำดับข้อเท็จจริง

ดราม่านั่งรถไฟ \"ใครผิด-ใครถูก\" 
    ตามที่มีกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ สมาชิกพันทิปหมายเลข 2787984 ได้ตั้งกระทู้ “ถามว่าเหตุการณ์แบบนี้ ใครผิด ใครถูกครับ / นักศึกษามหาลัยแห่งหนึ่งซื้อตั๋วรถไฟหลายใบ แต่มาใช้จริงน้อยกว่าจำนวนตั๋วที่ซื้อ” ใน WWW.PANTIP.COM โดยเกี่ยวข้องกับนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตร และนักศึกษาคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเดินทางไปร่วมงานประเพณี 4 จอบแห่งชาติ ครั้งที่ 34 ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 20 - 29 ธันวาคม 2559 จึงขอสรุปเหตุการณ์และชี้แจงกรณีที่เกี่ยวข้องดังนี้
    1. นักศึกษาที่เดินทางเข้าร่วมงานประเพณี 4 จอบแห่งชาติครั้งที่ 34 ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบไปด้วยนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตร จำนวน 47 คน คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 25 คน คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ จำนวน 15 คน รวมทั้งสิ้น 87 คน ซึ่งเดินทางโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 61 คน

ดราม่านั่งรถไฟ \"ใครผิด-ใครถูก\" 
2. นักศึกษาเดินทางไปโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2559 จำนวน 61 คน ด้วยรถขบวนที่ 52 เวลา 15.30 น. ถึงสถานีรถไฟอยุธยา เวลา 03.38 น ของวันที่ 21 ธันวาคม 2559 และเดินทางต่อไปจังหวัดอุบลราชธานี โดยขึ้นรถไฟจากสถานีอยุธยา จำนวน 61 คน ด้วยรถขบวนที่ 135 ของวันที่ 21 ธันวาคม 2559 เวลา 08.26 น. ถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานี เวลา 18.00 น.
    3. นักศึกษาเดินทางกลับโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจากสถานีรถไฟอุบลราชธานี ในวันที่ 27 ธันวาคม 2559 จำนวน 15 คน ด้วยรถขบวนที่ 142 เวลา 17.35 น. ถึงสถานีรถไฟอยุธยา เวลา 03.12 น ของวันที่ 28 ธันวาคม 2559 และเดินทางต่อไปจังหวัดเชียงใหม่ โดยขึ้นรถไฟจากสถานีอยุธยาจำนวน 15 คน ด้วยรถขบวนที่ 51 ของวันที่ 28 ธันวาคม 2559 เวลา 23.36 น. ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ เวลา 12.10 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2559

ดราม่านั่งรถไฟ \"ใครผิด-ใครถูก\" 
    4. เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคม 2559 โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 15 คน ประกอบไปด้วยนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตร จำนวน 10 คน และนักศึกษาคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ จำนวน 5 คน ได้ขึ้นรถไฟ ขบวน 52 ขาขึ้นจากสถานีรถไฟอยุธยา เวลา 23.36 น. ไปยังตู้ที่ 4 โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟ ได้แจ้งผู้โดยสารที่โดยสารมาก่อนว่าถ้าผู้ใดเป็นตั๋วยืนขอให้ลุกให้กับนักศึกษาที่ซื้อตั๋วนั่ง เลขที่นั่งตั้งแต่ 01 - 61 นั่งภายในรถไฟตู้ที่ 4 หลังจากแจ้งแล้วมีผู้โดยสารก็ลุกจากที่นั่งเพื่อให้นักศึกษาได้เข้ามาประจำเลขที่นั่งดังกล่าว โดยผู้นำนักศึกษาได้พูดกับเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟว่า “ขอนั่งเป็นกลุ่มเพื่อง่ายต่อการตรวจตราสิ่งของที่นำมาแข่งขันประมาณ 34 ที่นั่ง” เช่น ธง ป้ายสถาบัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน รวมทั้งสัมภาระต่างๆ “ส่วนที่นั่งที่เหลืออีก 27 ที่นั้น ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟให้ผู้โดยสารคนอื่นสามารถเข้ามานั่งร่วมกับนักศึกษาแม่โจ้ได้”
    5. หลังจากที่นักศึกษาจัดเก็บสัมภาระเข้าประจำที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ก็มีผู้โดยสารคนอื่นเข้ามาร่วมนั่งในตั๋วโดยสารของนักศึกษา อีก 27 คน จนเต็มตู้หมดทุกที่นั่ง ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว นักศึกษาก็นั่งและวางสัมภาระเท่าที่จำเป็น โดยแบ่งที่นั่งที่เหลือให้กับบุคคลอื่นโดยไม่เกิดปัญหาใดๆ ตลอดการเดินทาง 6. การซื้อตั๋วโดยสารรถไฟทั้งหมด 61 ใบ ชั้นที่ 3 นั้น ตามระเบียบของการรถไฟแห่งประเทศไทย กำหนดให้ ถ้าการเดินทางเป็นหมู่คณะในรูปแบบของนักเรียน - นักศึกษา นั้น การเดินทางไปและกลับจำนวนผู้โดยสารต้องเท่ากันทั้งขาไปและขากลับ โดยขบวนรถไฟจะต้องเป็นประเภทเดียวกันด้วย เช่น ขาไปรถด่วน ขากลับต้องรถด่วนด้วยเช่นกัน โดยราคาค่าโดยสารจะได้ราคาพิเศษเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ 
    7. ประเด็นการซื้อตั๋วรถไฟทั้งหมด 61 ใบนั้นจำเป็นต้องซื้อตั๋วทุกขบวนให้พอดีกับจำนวนนักศึกษาที่จะเดินทางไป ส่วนการเดินทางกลับนั้นไม่สามารถคาดการได้ว่าจะกลับมากน้อยเพียงใด แต่ในฐานะที่ต้องดูแลและรับผิดชอบนักศึกษาทั้งหมดจำเป็นต้องเตรียมการซื้อตั๋วให้ครบทุกคนเพื่อจะได้มีที่นั่งให้นักศึกษาได้เดินทางกลับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครบทุกคน และประการสำคัญช่วงปลายเดือนธันวาคมเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ผู้โดยสารขาขึ้นจะมีผู้โดยสารเต็มทุกขบวนซึ่งทำให้ต้องตัดสินใจซื้อตั๋วโดยสารให้พอดีกับนักศึกษาที่จะเดินทางกลับ 8. ประเด็นในความเข้าใจผิดและนำมาตั้งกระทู้ของเจ้าของกระทู้ สมาชิกหมายเลข 2787984 นั้น ข้อความของกระทู้นำมาซึ่งความเข้าใจผิด เกียจชัง และเสื่อมเสียชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย โดยมีการเอยอ้างชื่อมหาวิทยาลัย และการถ่ายภาพที่ติดตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยแม่โจ้บนเสื้อนักศึกษา ทางสโมสรนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตรขอให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ ตามแต่ท่านเห็นสมควร 9. เวลา 13.03 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม 2559 เจ้าของกระทู้ได้ลบข้อความในโพสไว้ชั่วคราว คงเหลือแต่หัวข้อของกระทู้ และข้อความแสดงความคิดเห็นเท่านั้น
     10. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทางสโมสรนักศึกษาคณะผลิตกรรมการเกษตรรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยความเข้าใจผิดของสมาชิกหมายเลข 2787984 ซึ่งมิได้เข้ามาสอบถามหรือพูดคุยกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางนักศึกษาเลย ทางสโมสรนักศึกษาฯ และผู้ร่วมเดินทางกลับด้วยรถไฟทุกคนพร้อมที่จะเป็นพยานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกคน ไม่มีนักศึกษาคนไหนสร้างความเสื่อมเสียให้เกิดกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้อันเป็นที่รักยิ่ง ทุกคนตั้งใจที่จะทำหน้าที่ที่ดีที่สุดในการสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จนประสบความสำเร็จสร้างชื่อเสียง นำถ้วยพระราชทานกลับมาสู่แผ่นดินแม่โจ้ให้ลูกแม่โจ้ทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจ
    ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง และความดีงามจะคุ้มครองให้เราผ่านอุปสรรคปัญหาทุกอย่างไปได้ด้วยดี