
มอบตัวอ้างถูกตุ๋นจ่ายเงินล้านติดยศพันตรี
ตุ๋นรับราชการทหาร มอบตัวตามหมายจับ อ้างถูกหลอกตกเป็นเหยื่อ จ่ายหลักล้านติดยศพันตรี ออกให้เพื่อนอีก 13 คน กว่า 5 ล้าน รวมเป็น 6 ล้านบาท
18 ม.ค. 60 ความคืบหน้าจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้นำกำลังพร้อมหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นและจับกุม นายธนินพัฒน์ จันทร์เรือง อายุ 31 ปี , น.ส.พนิดา มหรรฆตระกูล อายุ 36 ปี และนายวัฒนา เพ็ชรปัญญา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2042-44/2560 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกับพวกอีก 6 คน ก่อเหตุหลอกลวงกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด ว่าสามารถช่วยเหลือให้เข้ารับราชการทหารได้ โดยไม่ต้องสอบบรรจุ แต่มีค่าดำเนินการรายละตั้งแต่ 3 - 7 แสนบาท ต่อมาทางกลุ่มผู้ต้องหาไม่สามารถทำตามได้จริง กลุ่มผู้เสียหายจึงได้รวมตัวเข้าร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 1.43 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.6 บก.ป. พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.6 บก.ป. ได้ควบคุมตัว น.ส.เสาวนีย์ หรือ ณัฐณิชา สุนทร อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2041/2559 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งตุ๋นดังกล่าว เข้ามาสอบสวนปากคำ หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้จับกุมตัวได้ที่บ้านพักเลขที่ 95/23 ถนนนครอินทร์ ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ทั้งนี้ จากการสอบสวน น.ส.เสาวนีย์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นคนต้นคิดในการหลอกลวงผู้เสียหาย ส่วนกรณีเครื่องแบบทหารที่มีอยู่ในความครอบครองนั้น เป็นชุด ส.ต.หญิง ที่เคยสวมใส่ระหว่างรับราชการทหาร ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ ที่ กองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งปัจจุบันตนได้ลาออกจากราชการแล้วเมื่อปี 2559 ส่วนรายละเอียดต่างๆ ตนไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม น.ส.เสาวนีย์ ระบุอีกด้วยว่า ได้คืนเงินให้ผู้เสียหายไปแล้วก่อนหน้านี้ 7 - 8 ราย ดังนั้น จึงเหลือเพียงกลุ่มนักศึกษาจากพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด 5 ราย ที่มีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตนได้นัดหมายแล้วว่าจะหาเงินมาใช้คืนให้ แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน ส่วน น.ส.พนิดา กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ตนก็รู้จักในฐานะเพื่อน โดยบางคนก็มารู้จักภายหลัง และไม่ทราบว่าเป็นทหารจริงหรือไม่
ด้านพนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากคำให้การยังขัดแย้งกับพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งคำให้การของผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความในหลายประเด็น ซึ่งหลังจากนี้จะสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายธณรัสย์ นภิศสิริปภัสร์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2045/2559 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หนึ่งในผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ได้เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม พร้อมด้วยทนายความ เพื่อเข้ามอบตัวกับทาง พ.ต.อ.สมพงษ์ ผกก.6 บก.ป. ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสอนได้ทำการสอบปากคำทันที
จากการสอบสวน นายธณรัสย์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนก็ตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกลวงนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากตนก็ได้รับการติดต่อจาก น.ส.เสาวนีย์ ว่าสามารถพาเข้าไปเป็นทหารยศพันตรี ซึ่งทาง น.ส.เสาวนีย์ ได้เรียกรับเงินค่าดำเนินการจากตน 1 ล้านบาท แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 1 ปี ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการทหาร นอกจากนี้ตนยังจ่ายเงินให้กับเพื่อนอีก 13 คน ที่มาสมัครเข้าเป็นทหารด้วย โดยตนออกเงินให้กับเพื่อนๆ รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท
นายธณรัสย์ ให้การอีกว่า รู้จักกับ น.ส.เสาวนีย์ จากการแนะนำของ นายธนินพัฒน์ จันทร์เรือง หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีนี้ ก่อนจะถูกชักชวนให้สมัครเข้าเป็นทหาร ตามที่ น.ส.เสาวนีย์ อ้างว่ามีโควตา โดยเจรจาพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ก่อนตกลงจ่ายเงินค่าดำเนินการให้ นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า หากได้รับการบรรจุเป็นทหารแล้ว กลุ่มเพื่อนที่ตนออกเงินไปให้ก่อน สามารถกู้ยืมเงินสหกรณ์ทหาร นำมาใช้คืนให้ตน ซึ่งครั้งแรก น.ส.เสาวนีย์ บอกว่า ตนจะได้เริ่มบรรจุในตำแหน่ง ร.ต. จากนั้นก็มาบอกว่าทางผู้ใหญ่ให้ตนมียศ พ.ท.พร้อมกับนำบัตรประจำตัวมาให้
นายธณรัสย์ ให้การอีกว่า ในกรณีที่มีรูปตนปรากฏอยู่ในพิธีประดับยศให้กับผู้เสียหายรายอื่นๆ นั้น เป็นเพราะได้รับการชักชวนจาก น.ส.เสาวนีย์ ให้ร่วมงาน เพื่อรับทหารใหม่ พร้อมกับอ้างว่าผู้ใหญ่ที่จะมาเป็นประธานในพิธีติดภารกิจ จึงขอให้สวมเครื่องแบบทหารขึ้นไปเป็นประธานในพิธีดังกล่าว ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นการจัดฉาก เพื่อหลอกลวงผู้เสียหาย กระทั่งภายหลังเมื่อถูกรอเรียกให้ไปทำงาน เป็นระยะเวลานานจนผิดสังเกต จึงเริ่มเอะใจสงสัยว่าถูกหลอกลวง และพยายามติดต่อหา น.ส.เสาวนีย์ เพื่อขอเงินคืน เพราะไม่ต้องการเข้าเป็นทหารแล้ว แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนต้องมาตกเป็นผู้ต้องหาร่วมขบวนการหลอกลวงในคดีร่วมกันฉ้อโกงในครั้งนี้ และภายหลังทราบข่าว จึงรีบเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและขอต่อสู้คดี โดยเตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสดในบัญชีธนาคาร จำนวน 3 แสนบาท มาขอยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวนแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในขณะเดียวกันผู้เสียหายซึ่งเป็นนักศึกษาจากพื้นที่ จ.ขอนแก่น 5 ราย จ.มหาสารคาม 3 ราย และ จ.ร้อยเอ็ด อีก 1 ราย ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.เพิ่มเติม หลังจากทราบข่าวและตกเป็นเหยื่อของแก๊งนี้เช่นเดียวกัน โดยทั้งหมดจ่ายเงินให้กับ น.ส.เสาวนีย์ ตั้งแต่ 3.5 - 5.5 แสนบาท ตามแต่ว่าจะเข้ารับการบรรจุเป็นทหาร ระดับชั้นประทวนหรือชั้นสัญญาบัตร นอกจากนี้หากรายใดที่ไม่มีวุฒิการศึกษา ก็จะถูกเรียกเก็บเงินค่าจัดทำวุฒิเพิ่มเติมอีก 1.2 หมื่นบาท ซึ่งบางรายนั้นทางผู้ปกครองต้องไปกู้เงินมาเพื่อหาเงินให้บุตรหลานมาใช้ในค่าดำเนินการ
ทางกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มนี้ ให้การว่า ถูกผู้ต้องหากลุ่มนี้หลอกลวงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างการดำเนินการนั้น ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้มีการนัดหมายมาจัดทำเอกสาร และมีการฝึกสมรรถภาพกันในช่วงเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะเข้าร่วมพิธีประดับยศที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 โดยผู้ต้องหาอ้างว่าทั้งหมดจะได้เข้าเริ่มทำงานในสังกัดกรมยุทธบริการ กองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ก็ถูกแจ้งเลื่อนเรื่อยมา จนทราบแน่ชัดว่าถูกหลอกลวงแล้ว
จากนั้นเวลา 15.30 น. รายงานข่าวแจ้งว่า นายกฤตานนท์ หรือ สุภัทร์ มั่งคล้าย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2046/2559 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน และเป็นสามีของ น.ส.เสาวนีย์ พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.โดยเบื้องต้นยังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมกับเตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาท สำหรับยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวนด้วย
สำหรับผู้ต้องหาแก๊งนี้ที่ได้ถูกศาลอนุมัติหมายจับไว้ทั้งหมด 9 ราย ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว 6 ราย เหลือเพียง ผู้ต้องหาที่ยังไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล 3 ราย ที่ยังหลบหนีคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลจนทราบชื่อผู้ต้องหาแล้วอีก 2 ราย คือ นายรัชชานนท์ ดวงสี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/376 หมู่ 17 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และ น.ส.กนกวรรณ ไชยหาญ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 1 ต.อวน อ.ปัว จ.น่าน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2092 และ 2094/2559 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2559 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จึงเหลือผู้ต้องหาเพียง 1 รายเท่านั้น ที่ยังไม่ทราบชื่อ