
รวบแท็กซี่ฉกทรัพย์ นทท.จีน
ตร.พลับพลาไชย 1 จับโชเฟอร์แท็กซี่ขโมยมือถือนักท่องเที่ยวจีน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ก.พ.60 พ.ต.ท.ปรมะ ร่วมสุข รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.ต.กิฐฐิพงศ์ ชูเมือง สว.สส.สน.พลับพลาไชย 1 ร.ต.ท.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.สส.สน.พลับพลาไชย 1 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายนิวัฒน์ กันหา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 228 ซ.เอกชัย 40 เเขวงบางบอน เขตบางบอน กทม. ในข้อหา ลักทรัพย์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ สีขาวทอง ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ถ.กัลประพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขต ภาษีเจริญ กทม.
พ.ต.ต.กิฐฐิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.พ. เวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา น.ส.โชว์จิง (Shou jing) นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ว่า ถูกคนขับแท็กซี่ลักทรัพย์ เป็นโทรศัพท์ ก่อนไล่ลงจากรถ จากการสอบปากคำผู้เสียหายให้การว่า ขณะที่โดยสารรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาจากศาลเจ้าพ่อเสือ จะเดินทางไปห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ โดยบอกคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวเพียงว่าให้ไปตามจีพีเอส แต่เมื่อมาถึงบริเวณตลาดโบ๊เบ๊ ถ.กรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. คนขับได้ขอดูโทรศัพท์ของผู้เสียหาย และอ้างว่าตามจีพีเอสถึงห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ แล้ว ก่อนที่จะไล่ผู้เสียหายลงจากรถและยึดโทรศัพท์ จากนั้นจึงขับรถหลบหนีไป
พ.ต.ต.กิฐฐิพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้ง ตำรวจได้เร่งติดตามตัวนายนิวัฒน์ โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า รถคันก่อเหตุดังกล่าวเป็นรถแท็กซี่สีชมพูคาดเขียว หมายเลขทะเบียน ทษ 2780 กทม.ซึ่งเป็นรถของสหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัคร จำกัด ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่สหกรณ์ดังกล่าว จนทราบว่าบุคคลที่ขับรถในช่วงวันและเวลาดังกล่าว คือ นายนิวัฒน์ ก่อนที่จะสืบทราบว่านายนิวัฒน์ พักอาศัยอยู่ในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จับกุมตัวนายนิวัฒน์ ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน.พลับพลาไชย 1
นายนิวัฒน์ รับสารภาพว่า เป็นผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวจริง ซึ่งในวันเกิดเหตุรับผู้โดยสารซึ่งเป็นชาวจีน 6 คน มาจากศาลเจ้าพ่อเสือ เพื่อไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ แต่เมื่อมาถึงบริเวณถนนกษัตริย์ศึก ผู้โดยสารได้บอกตนว่า ขับรถเลยแล้ว แต่ตนก็ตอบกลับไปว่ายังไม่เลย จากนั้นผู้โดยสารได้ยื่นโทรศัพท์ดังกล่าวให้ตน เพื่อให้ดูจีพีเอส ก่อนที่ตนจะรับโทรศัพท์มาจากผู้โดยสาร และไล่ผู้โดยสารทั้งหมดลงจากรถ จากนั้นตนได้รีบขับรถออกไป โดยนำโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวไปให้เพื่อนที่ชื่อ นายอ้วน (ไม่ทราบชื่อ-สกุล จริง) เพื่อเปลี่ยนโปรแกรมให้เป็นภาษาไทย และนำโทรศัพท์กลับไปยังบ้านพัก จนมาถูกตำรวจจับกุมในวันนี้
พ.ต.ต.กิฐฐิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาลักทรัพย์ และนำตัวผู้ต้องหารายนี้ส่งพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป