กรมประมง ให้ผู้ครอบครองปลากระเบนน้ำจืด ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้ าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สั ตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ แจ้งการครอบครองภายใน 15 มี.ค.
จากการประชุมสามัญภาคีอนุสั ญญาว่าด้วยการค้าระหว่ างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่ าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ 17 ณ สาธารณรัฐแอฟริกา ระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 5 ตุลาคม พ.ศ.2559 ที่ประชุมมีมติขึ้นบัญชี หมายเลข 3 กับกระเบนน้ำจืด
ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ประเทศไทยมีการนำเข้ าปลากระเบนน้ำจืดจากประเทศอเมริ กาใต้ ได้แก่ บราซิล โคลัมเบีย และเปรู มานานกว่า 20 ปี และมีการเพาะเลี้ยงเพื่ อขายในประเทศและส่งออก ทำรายได้ให้กับประเทศ ปีละ 1,000 ล้านบาท มีเกษตรกรที่ทำการเพาะเลี้ยงกว่ า 600 ราย สายพันธุ์ที่เลี้ยงส่วนใหญ่ จะเป็นสายพันธุ์ กระเบนโมโตโร่ ,โพลคาดอท ,จากัวร์ ,ไทเกอร์ ,โพลคาดอทจุดเล็ก และมีการผสมข้ามพันธุ์จนได้ สายพันธุ์ใหม่ๆ เป็นความต้องการของประเทศที่ นำเข้าได้แก่ สิงค์โปร์ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป
การที่ CITES ได้ขึ้นทะเบียนปลากระเบนน้ำจืด เป็นชนิดพันธุ์ที่ได้รับการคุ้ มครองตามกฎหมายของประเทศใดประเท ศหนึ่งแล้วขอความร่วมมื อประเทศภาคีสมาชิกให้ช่วยดู แลการนำเข้า คือจะต้องมีหนังสือรับรองการส่ งออก จากประเทศถิ่นกำเนิดปลากระเบน หรือในบัญชีหมายเลข 3 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2560 ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศซึ่ งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ ใกล้สูญพันธุ์ จะต้องมีการควบคุ มโดยการออกใบอนุญาตหรือใบรับรองในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้ มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
กรมประมง ขอเรียนเชิญเกษตรกรผู้เพาะเลี้ ยง หรือผู้เลี้ยงปลากระเบนน้ำจืด มาแจ้งการครอบครอง
ณ กองบริหารจัดการทรั พยากรและกำหนดมาตรการ กรมประมง กรุงเทพฯ 10900 โทร 0 2579 9767 หรือ
ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์: [email protected] และสำเนาแจ้ง aquaculture0510.4@ gmail.com ทั้งนี้ ให้ดำเนินการภายในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2560