ข่าว

ศาลให้ประกัน“ พระสนิทวงศ์ ”

ศาลให้ประกัน“ พระสนิทวงศ์ ”

09 มี.ค. 2560

ศาลให้ประกัน “พระสนิทวงศ์ ” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดี พ.ร.บ.คอมพ์ 4 แสนบาท หลังตร.บก.ป. ยื่นฝากขังครั้งแรก 12 วันถึง 20 มี.คนี้ พร้อมกำหนด 3 เงื่อนไข

 

          6 มี.ค. 60 - ร.ต.อ.พิชิต ผังคดี พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 บก.ป. ได้นำตัว พระสนิทวงศ์ เจริญรัตตะวงศ์ หรือพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 634/2560 ลงวันที่ 8 มี.ค.60 คดีพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 , หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และการกระทำด้วยวิธีใดอันเป็นการยุงยงให้เกิดความปลุกปั่น ไม่สงบในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328,116 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กปลุกปั่นให้ประชาชนมีความศรัทธาวัดพระธรรมกายเกิดความไม่พอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-20 มี.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานอีก 5 ปาก อีกทั้งต้องรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา และผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง

          ขณะที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย โดยให้เหตุผลว่า แม้ผู้ต้องหา เป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้ประพฤติ ปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของธรรมวินัยที่ดีตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2540 โดยผู้ต้องหา มีพฤติกรรมเป็นการฝักใฝ่ทางการเมืองต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลที่ให้ยกเลิกการใช้มาตรา 44 และยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กับมีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตในลักษณะยุยงปลุกปั่น ให้พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกาย กระทำการก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ล่วงละเมิดต่อกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผิดวิสัยสมณะเพศ และไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่พึงปฏิบัติทั่วไป

          นอกจากนี้ แม้ว่าผู้ต้องหาทราบว่าตัวเองถูกร้องทุกข์ดำเนินคดีและศาลออกหมายจับไว้แล้ว แต่ก็ยังให้สัมภาษณ์ตอบโต้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานด้วยถ้อยคำรุนแรงไม่เคารพยำเกรงต่อการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าพนักงาน จึงเห็นว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาก็จะกลับไปพักอาศัยอยู่ในวัดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหาที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมตามกฎหมาย และจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการควบคุมสั่งการในเรื่องต่างๆที่ผิดกฎหมาย และเข้าไปยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานจนเกิดความเสียหายต่อคดี ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน อีกทั้งผู้ต้องหาจะเข้าไปให้สัมภาษณ์ อันเป็นการยุยงปลุกปั่นพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายที่เชื่อมั่นศรัทธาในตัวผู้ต้องหาและวัดธรรมกาย จนทำให้เกิดการเข้าใจผิดและรวมตัวต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้นไป หรือจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น และอาจมีการให้สัมภาษณ์ลักษณะยุยงปลุกป่นเช่นเดียวกับพระเสกสรร อัตตทโม วัดพระธรรมกายที่ถูกพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและศาลได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์ และประชาชนทั้งฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้ต้องหาในคดีนี้ จนเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนามัวหมองและเสื่อมศรัทธาจากประชาชนในภาพรวม

          ซึ่งหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไป และผู้ต้องหายังคงให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จที่เป็นการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ย่อมทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำความผิดเพียงเล็กน้อยและผู้กระทำผิดสามารถได้รับการปล่อยชั่วคราวไปได้โดยไม่ถูกควบคุมในเรือนจำ ซึ่งจะส่งผลเสียให้มีการล่วงละเมิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังเป็นบุคคลเดียวกับที่พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า ดำเนินคดีในความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามคำสั่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงวันที่ 19 ก.พ.60 ที่ให้มารายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งออกตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 5/2560 ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้อายัดตัวผู้ต้องหาไว้ดำเนินคดีต่อไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การคุมตัวพระสนิทวงศ์ มายื่นฝากขังศาลอาญาวันนี้ พนักงานสอบสวน บก.ป. นำพระสนิทวงศ์ ขึ้นนรถตู้คอมมานโด มาพร้อมพระลูกวัดและติดตามอีก 2 คน โดยมีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางตามมาเพื่อยื่นคำร้องขอประกันตัว ซึ่งระหว่างการเดินทางมาของพระสนิทวงศ์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดกำลังตำรวจ สน.พหลโยธิน , บก.น.2 และกองปราบปราม ประมาณ 30 นาย ตั้งแถวรอบทางเดินด้านหลังศาลอาญา ระหว่างการยื่นฝากขังพระสนิทวงศ์ และป้องกันบุคคลอื่นเข้ามาก่อความวุ่นวาย   

          กระทั่งเวลา 14.00 น. เศษ ศาลพิจารณาคำร้องฝากขังแล้ว ผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามคำร้อง

          ขณะที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ซึ่งเป็นทนายความของพระสนิทวงศ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 600,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้

          กระทั่งเวลา 15.30 น.ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว พระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหาได้ โดยศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกัน 400,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขกับผู้ต้องหา 3 ข้อ คือ 1.ห้ามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน 2.ห้ามยุยงปลุกปั่นประชาชน อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบและล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน 3.ห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยผู้ต้องหามารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 26 เม.ย.นี้

          จากนั้นเวลาประมาณ 15.40 น. พนักงานสอบสวน บก.ป. ได้นำพระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหา ขึ้นรถตู้หน่วยคอมมานโด เดินทางไปไปยัง สภ.คลองห้า พร้อมขบวนรถด้วยรถวิทยุตำรวจกองปราบปราม เพื่อไปดำเนินกระบวนการตามขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่เรียกให้มารายงานตัว ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 5/2560 ซึ่งระหว่างที่พระสนิทวงศ์ กำลังจะเดินทางออกจากศาลอาญา นายองอาจ ธรรมนิทา อดีตโฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และประชาชนที่ศรัทธาประมาณ 10 คน มาคอยให้กำลังใจพระสนิทวงศ์ด้วย โดยพระสนิทวงศ์ มีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ตลอดเวลาการยื่นฝากขัง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องฝากขังนั้น ระบุพฤติการณ์พระสนิทวงศ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่า หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา , นำข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยน่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , กระทำการด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดจะก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2)(3) , 326 , 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1)(2)

          โดยมีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “ Phra Sanitwong Charoenrattwong ” โพสต์ข้อความทำนองว่า ให้มาร้องเรียนการกระทำรุนแรงต่อพระภิกษุสงฆ์ ต่อการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปพบเห็นได้จากการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยน่าเชื่อว่าจะก่อให้ประชาชนที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย เกิดความไม่พอใจ รู้สึกโกรธแค้น จนนำไปสู่การเกิดความปั่นป่วนในราชอาณาจักร และอาจก่อให้เกิดการล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายมีการชุมนุมต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ ชั้นสอบสวนสอบ พระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

          ต่อมาเวลา 15.40 น. นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ซึ่งเป็นทนายความของพระสนิทวงศ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณศาลอาญาที่มีความเมตตาในการใช้ดุลยพินิจปล่อยตัวชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไข 3 ข้อ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้อายัดตัวเพื่อนำไป สภ.คลองห้านั้น เป็นการนำไปรับทราบข้อกล่าวหาละดำเนินตามกระบวนการของพนักงานสอบสวน ขณะที่ข้อกล่าวฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง คสช.นั้นอันตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เราก็จะเตรียมหลักทรัพย์ไว้เพื่อยื่นขอปล่อยชั่วคราวมูลค่า 24,000 บาท ตามมาตรฐานของศาลจังหวัดธัญบุรี

          “ นี่แสดงให้เห็นว่าพระสนิทวงศ์ และพระที่ทยอยกันเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและรายงานตัว ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้หลบหนีไปไหน ซึ่งคือเหตุผลสำคัญที่ศาลให้ประกันตัว อย่างไรก็ดีคดีที่ สภ.คลองห้า หากวันนี้เดินทางไปไม่ทัน พรุ่งนี้ก็ไปได้ ยังมีเวลาอยู่ ไม่ได้หลบหนีไปไหนอยู่แล้วยืนยัน ”นายวิญญัติ ทนายความ กล่าวและว่า พระสนิทวงศ์ไม่มีความกังวล มีสิ่งเดียวคือ อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมพิเศษและที่วัดพระธรรมกาย ให้ใช้วิธีการที่คำนึงสิทธิเสรีภาพมหาชนให้มากที่สุด โดยกระบวนการที่ดำเนินต่อไปจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่

          นายวิญญัติ ทนายความ กล่าวย้ำด้วยว่า ที่บางสำนักข่าวให้ความสนใจ นำตนไปเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมือง ขอบอกว่าอาชีพทนายความ คือ วิชาชีพและตนก็ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่มี คสช.ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด การเข้ามาช่วยเป็นทนายความให้กลุ่มพระนั้นก็เป็นหน้าที่ของทนายความและตนเองก็อยากเห็นความเป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม จึงไม่มีอะไร

          “ การจะเป็นทนายความให้บุคคลใด ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจ และได้รับการปรึกษาทางกฎหมายที่ชัดเจน  การที่ผมเข้ามาเป็นเรื่องที่แสดงต่อสังคมอยู่แล้วว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับกระบวนการใช้อำนาจที่ไม่คำนึงถึงสิทธิประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อแนวทางตรงกันเช่นนี้ถ้าพระท่านเห็นว่าผมเป็นทนายความได้ ผมก็มาเป็นทนาย ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ ” นายวิญญัติ ทนายความ