แม่ฮ่องสอนควันอ่วม!! ค่ามลพิษพุ่ง180ไมโครกรัม
ชาวเมืองแม่ฮ่องสอนอาการหนัก แสบเคืองตาหายใจลำบาก หลังพบควันไฟป่าจำนวนมหาศาลไหลแผ่มาปกคลุมตัวเมืองมืดมิด ส่งผลให้ค่ามลพิษ พรวดถึง 180 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 20 มีนาคม 2560 กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ในพื้นที่ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน วัดปริมาณฝุ่นละอองได้ 180 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 127 ซึ่งค่ามลพิษดังกล่าวอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งค่ามลพิษดังกล่าว ถือว่าสูงสุดในภาคเหนือ ขณะที่จังหวัดอื่น อาทิ จังหวัดลำปาง สามารถแก้ไขปัญหาไฟป่าได้และส่งผลให้ค่ามลพิษไม่เกินมาตรฐานแต่อย่างใด
ดับไฟป่า
สำหรับบรรยากาศในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เช้านี้ พบว่ามีหมอกควันจากไฟป่าลอยปกคลุมในระดับต่ำ ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่เกิน 1,000 เมตร ประชาชนส่วนใหญ่จะประสบกับอาการแสบและเคืองตา รวมไปถึงหายใจยากลำบาก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
นายสืบศักดิ์ เอี่ยมพิจารณ์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ตนได้สั่งการให้นายอำเภอเมือง ดำเนินการเรียกประชุมกำนันและผู้ใหญ่บ้านในเขตอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ทุกแห่ง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการลอบเผาป่า เป็นการเร่งด่วนและหมู่บ้านไหนที่มีการเกิดไฟป่า บ่อยครั้ง ผู้ใหญ่บ้านจะต้องชี้แจงในที่ประชุม และจากนั้นจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาการลอบเผาป่าต่อไป
ในส่วนของสถานการณ์ไฟป่า พบว่ายังคงมีการลอบเผาป่าแทบทุกพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าดับไฟป่า ที่เกิดขึ้น ตลอดทั้งคืน ทั้งนี้ ในส่วนของไฟป่าที่เกิดบนเทือกเขาสูงชัน ไม่มีใครสามารถเดินเท้าเข้าไปดับไฟป่าได้ เนื่องจากเป็นหุบเขาและหน้าผาสูงชัน หากเข้าไปอาจจะเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่และราษฎรได้ โดยในช่วงเช้าวันนี้ จะมีการจัดกำลังเข้าไปทำการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
แหล่งข่าวราษฎรในพื้นที่ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงแดง เปิดเผยว่า มีหลายหมู่บ้านที่ผู้นำชุมชน ไม่เคยประกาศหรือกำชับต่อราษฎรในหมู่บ้านว่า ห้ามเผาป่าหรือควรร่วมมือกับทางการอย่างใดบ้าง และ การเผาป่า ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวเขาทั่วไป ที่ต้องการเตรียมพื้นที่เพาะปลูก อีกทั้งการลอบเผาป่า ส่วนใหญ่ไม่มีใครสามารถรับรู้และจับกุมได้ ทำให้ราษฎรส่วนใหญ่ไม่เกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่และ ผู้นำหมู่บ้านแต่อย่างใด นอกจากนั้น กรณีเรื่องเงินงบประมาณ ราษฎรทั่วไปไม่มีใครรับทราบและได้รับเงินหรือมีส่วนร่วมแต่อย่างใด เพราะผู้นำหมู่บ้านจะจ้างคนที่เป็นญาติพี่น้องของตนเองเป็นหลักเท่านั้น