ข่าว

"แป้ง"อรจิรากรี๊ดโร่แจ้งความรถถูกสวมทะเบียน

"แป้ง"อรจิรากรี๊ดโร่แจ้งความรถถูกสวมทะเบียน

29 มี.ค. 2560

“แป้ง”อรจิรา แจ้งความรถถูกสวมทะเบียนหลังโดนใบสั่งหลายครั้ง ด้านผู้จัดการส่วนตัวเผยรถขายไปตั้งแต่ปี 57

     ที่สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 มี.ค. น.ส.อรจิรา แหลมวิไล หรือ“แป้ง อรจิรา” ดารานางเอกสาว อายุ 31 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศุภากร ทิพพิลา รอง สารวัตร (สอบสวน) สน.ทองหล่อ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ หลังถูกสวมทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ป้ายหมายเลขทะเบียนปลอมมีตัวเลขเดียวกันขับฝ่าฝืนกฎจราจรมาแล้วหลายครั้ง

      ผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทาง แป้ง อรจิรา ได้ใช้รถยี่ห้อเล็กซ์ซัส สีขาว รุ่น IS250 จากนั้นได้ขายรถคันดังกล่าวไป ต่อมาปี 57 ได้ซื้อรถยี่ห้อเล็กซ์ซัส สีขาว รุ่น RX270 แต่ใช้ป้ายทะเบียนรถคันเก่า ซึ่งได้โอนทะเบียนมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้ใส่ติดป้ายแดง ต่อมาก็ได้ป้ายขาวมาติด กระทั่งเมื่อระยะเวลาประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้มีใบสั่งเกี่ยวกับคดีจราจร อาทิ จับความเร็ว ขับทับเส้น รวมทั้งหมด 3 ใบ ซึ่งเส้นทางที่ถูกใบสั่งนั้นเป็นเส้นทางย่านรัตนาธิเบศร์และอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

     "แป้งไม่ได้ขับรถคันดังกล่าวไปตามเส้นทางที่ใบสั่งระบุแต่อย่างใด เนื่องจากปกติมักจะใช้รถตู้อีกคันแทนเสมอ อีกทั้งรถที่พบในใบสั่งนั้นมีลักษณะแตกต่างที่บริเวณดวงไฟ และเป็นรถเก๋ง แต่รถที่เจ้าตัวใช้มีลักษณะเป็นรถทรงแวนมีเพียงยี่ห้อเล็กซ์ซัส และรถที่เป็นสีขาวที่ตรงกันเท่านั้น สำหรับสาเหตุที่ต้องมาแจ้งความในครั้งนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด"ผู้จัดการส่วนตัวดาราสาว กล่าว

     ผู้จัดการดาราสาว กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้รถของแป้ง ไปตรงกับรถในใบสั่งนั้น อาจจะมีอยู่ด้วยกัน 2 กรณี คือ อาจจะเป็นรถของแป้งเองที่ถูกขายไปแล้ว แต่ผู้ซื้อไม่ยอมถอดป้ายทะเบียนออก ซึ่งก็ต้องทำการตรวจสอบเลขตัวถังรถว่าใช่หรือไม่ และอีกกรณีคือรถแป้งอาจจะถูกสวมทะเบียนจริงๆ อย่างไรก็ตามอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบให้เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน หากยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ ใบสั่งก็ยังจะถูกส่งมาอีกเรื่อยๆ

      ขณะที่ ร.ต.อ.ศุภากร กล่าวว่า เบื้องต้นทางตำรวจได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะประสานไปยังท้องที่ ที่ออกใบสั่ง ทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อทำการตรวจสอบรายละเอียดว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ หากพบว่าการปลอมแปลงสวมทะเบียนรถจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป