ศาลอุทธรณ์ สั่ง ศาลอาญาคดีทุจริตรับไต่สวน ปูฟ้องปลัดสปน.
"ทนายปู” เผย 21 เม.ย.ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดพร้อมคดีฟ้อง“จิรชัย มูลทองโร่ย” ปลัด สปน. รวมหลักฐานชดใช้จำนำข้าวไม่ครบขั้นตอน หลังศาลอุทธรณ์สั่งรับคดีไต่สวนมูลฟ้อง
9 เม.ย.60 เวลา 12.30 น. นายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งกลับให้ศาลชั้นต้น รับคดีหมายเลขดำ อท.44/2559 ที่ฟ้องนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องว่า ภายหลังที่ตนได้รับมอบอำนาจ ให้ยื่นอุทธรณ์คดีที่ฟ้องนายจิรชัย ประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ล่าสุดศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้อง โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้นัดพร้อม เช้าวันที่ 21 เม.ย.นี้ เพื่อจะให้กำหนดวันที่จะนำพยานเข้าไต่สวนมูลฟ้อง
นายนพดล ทนายความอดีตนายกฯ กล่าวย้อนการฟ้องคดีว่า เดิมอดีตนายกฯ ได้ยื่นฟ้องนายจิรชัย ต่อแผนกคดีทุจริตฯ ในศาลอาญา ซึ่งขณะนั้นศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ยังไม่ได้จัดตั้งขึ้น แล้วองค์คณะแผนกคดีทุจริตฯ ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีในชั้นตรวจคำฟ้องไปเสียก่อนโดยยังไม่ทันที่จะไต่พยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และเมื่อเรายื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้ย้อนสำนวนกลับไปให้ศาลชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาขณะนี้ คือ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ตามขั้นตอน โดยชั้นนี้เรามีพยานที่จะให้ศาลไต่สวน ประมาณ 3 ปาก หนึ่งในนั้นคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ตัวความเอง ส่วนฝ่ายของนายจิรชัยในชั้นนี้ก็สามารถที่จะแต่งตั้งทนายความ เข้ามาร่วมซักถามพยานของโจทก์ได้โดยที่ตัวของนายจิรชัย ยังไม่ต้องมาแสดงตัวต่อศาลระหว่างการไต่สวน แล้วหากศาลดำเนินการไต่สวนพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนี้ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง จะทำคำสั่งต่อไปว่าจะให้ประทับรับคำฟ้องนี้ไว้พิพากษาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมูลเหตุพิพาทที่ อดีตนายกฯ ยื่นฟ้องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า นายจิรชัยได้มีความเห็นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นเงินจำนวน 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งฝ่ายโจทก์อ้างว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า นายจิรชัย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขาดความเที่ยงธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของคณะกรรมการฯชุดดังกล่าว ไม่ไต่สวนพยานบุคคล ไม่แสวงหาข้อเท็จจริง ไม่ตรวจสอบสินค้าคงเหลือให้ครบถ้วนและไม่สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ได้นำราคาข้าวสารที่คงเหลือในสต็อกมาคำนวณหักออกจากความเสียหายก่อนสรุปปิดบัญชี นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวยังไม่ได้สรุปว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความเสียหายที่เกิดจากหน่วยงานใด แต่กลับกำหนดความเสียหายและกล่าวหากับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าโครงการรับจำนำข้าวแล้วทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งที่โครงการดังกล่าวเป็นเรื่องของนโยบายที่เน้นช่วยเหลือเกษตร หากมีความเสียหายก็ไม่ได้เกิดจากการกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์โดยตรง ซึ่งศาลอาญาโดยองค์คณะแผนกคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.59 กระทั่งอดีตนายกฯ มอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.59 โต้แย้งคำพิพากษาดังกล่าว