ข่าว

เซ็นทรัลลุยลงทุน ‘บ้าน-คอนโด’ พ่วงศูนย์การค้า

เซ็นทรัลลุยลงทุน ‘บ้าน-คอนโด’ พ่วงศูนย์การค้า

29 พ.ค. 2560

เซ็นทรัลลุยลงทุน ‘บ้าน-คอนโด’ พ่วงศูนย์การค้า

             นายกรี เดชชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอ็น เรซซิเด้นซ์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เซ็นทรัล เฟสติวัล และเซ็นทรัลเวิลด์  เปิดเผยว่า ได้วางนโยบายขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยมุ่งทำเลใกล้ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับโครงการโดยรวม

            โดยปีนี้ ซีพีเอ็นได้อนุมัติการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เอสเซ็นท์ 3 โครงการใหม่ใน 3 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท  ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมแห่งที่ 2 ใน จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เชียงราย  มูลค่า 650 ล้านบาท และ นครราชสีมา มูลค่า 520 ล้านบาท เปิดพรีเซลไตรมาส 3 บริษัทยังมีอีก 3 โครงการที่รออนุมัติจากซีพีเอ็น  โดยมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบด้วย 

            “ศูนย์การค้าตั้งอยู่ที่ไหน เราจะขยับโครงการตามไปด้วย เพราะเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง” 

            สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดยังเติบโตต่อเนื่อง โดยลูกค้าในพื้นที่และกลุ่มนักลงทุนให้การตอบรับที่ดี โดยเฉพาะทำเลยุทธศาสตร์ เช่น พื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่ หรือ นิวซีบีดี ที่มีธุรกิจศูนย์การค้าเป็นโครงการนำร่องสร้างชุมชนใหม่ดึงดูดการค้าการลงทุนต่างๆ เข้ามาในพื้นที่  ทำให้เกิดราคานิวไฮและราคารีเซลล์ในตลาดเพิ่มสูงขึ้น 

            อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ดึงดูดให้เกิดการตัดสินใจซื้อ คือ ความแตกต่างและจุดแข็งที่ชัดเจนของตัวโครงการ การตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ รวมไปถึงชื่อเสียงของผู้ประกอบการผู้พัฒนาโครงการที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

            จะเห็นว่า การเปิดตัวคอนโดมิเนียม 3 โครงการภายใต้แบรนด์เอสเซ็นท์ช่วงต้นปีก่อน ขณะนี้สามารถปิดการขายได้ทั้งหมดแล้ว ได้แก่ โครงการเชียงใหม่ จำนวน 400 ยูนิต ปิดการขายได้ภายใน 2 เดือน หลังเปิดตัว  โครงการขอนแก่น 409 ยูนิต ปิดการขายได้ภายใน 4 เดือน และโครงการระยอง 419 ยูนิต ปิดการขายได้ภายใน 5 เดือน  จะแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในไตรมาสแรกปีหน้า  คาดรับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท ในปี 2561 ทั้งนี้ บริษัท ตั้งเป้าหมายผลักดันธุรกิจเติบโตต่อเนื่องปีละ 15%  คาดรับรู้รายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ในปี2563 

            ทั้งนี้ ตลาดที่บริษัทเข้าไปลงทุนกระตุ้นการแข่งขันรุนแรงขึ้น ทำให้คู่แข่งต้องใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อช่วงชิงยอดขาย ตัวอย่างเช่น ราคาที่บริษัทเปิดตัวโครงการที่ระยองช่วงแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 ล้านบาทต่อยูนิต โครงการของคู่แข่งจะปรับลดราคาจากที่เปิดขาย 1.7 -1.8 ล้านบาท เหลือ 1.2 ล้านบาทต่อยูนิต  

            บริษัทยังมีความได้เปรียบในการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ซินเนอร์จีของกลุ่มเซ็นทรัล ลูกค้าสามารถรับคะแนนสะสมผ่านบัตรเดอะวันการ์ด เพิ่ม 3 เท่า เมื่อจอง ทำสัญญา และตลอดระยะเวลาที่มีการผ่อนดาวน์ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่จะรับโอนย้ายเข้าอยู่ในโครงการ โดยมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ในการเลือกซื้อสินค้าในเครือเซ็นทรัล เพื่อใช้ในการอยู่อาศัย

            นายกรี กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าของแต่ละทำเลแตกต่างกัน อาทิ โครงการเชียงใหม่ มีสัดส่วนลูกค้ากรุงเทพฯ เข้ามาซื้อไม่ต่ำกว่า 30% อีก 70% มีทั้งชาวเชียงใหม่ ที่อาศัยอยู่ในอำเภอใกล้เคียง เช่น เชียงดาว และลูกค้าจากจังหวัดอื่นๆ รวมถึงผู้ปกครองที่ซื้อคอนโดมิเนียมให้บุตรหลานที่ศึกษาในเชียงใหม่

            โครงการระยอง 50%  เป็นกลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรม และ 50% เป็นผู้ที่อาศัยอยู่บนถนนสุขุมวิท โครงการขอนแก่น พบว่าเป็นชาวขอนแก่นมากถึง 50%  โดยเป็นกลุ่มที่ครอบครัวขยายและต้องการที่พักอาศัยบ้านหลังที่ 2 อีก 50% เป็นลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ที่ส่งบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังในขอนแก่นและต้องการที่พักอาศัยในโซนนี้

               “ต่างจังหวัดทำตลาดยากกว่า แม้จะมีดีมานด์แต่ยังน้อย และแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างของลูกค้าอย่างชัดเจน แต่ระยะยาวเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และด้วยจุดขายที่อยู่อาศัยใกล้ศูนย์การค้าทำให้โครงการได้รับความสนใจค่อนข้างมาก”