ผนึกพลัง ตั้งสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารรับมือวิกฤต
กลุ่มร้านอาหารไทยผนึกพลัง ตั้งสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารรับมือวิกฤต
วันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ณ ห้องมิตติ้ง รูม 3,ศูนย์ประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร นำโดย นางลัดดา สำเภาทอง นายกสมาคมฯ พร้อม คณะกรรมการสมาคม ได้ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว “เปิดตัวสมาคม พร้อม ชี้วิกฤตร้านอาหารและทางรอด สู้ภัยเศรษฐกิจ” ต่อกลุ่มสื่อมวลชน เป็นครั้งแรก
นางลัดดาเปิดเผยว่า จากสถิติตลาดธุรกิจร้านอาหาร ที่ครอบคลุมถึงเชนร้านอาหาร และ ร้านอาหารทั่วไปในปี 2559 นี้ มีมูลค่าประมาณ 382,000 - 385,000 ล้านบาท มีการเติบโตในอัตราร้อยละ 1.9 - 2.7 เมื่อเทียบ จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 375,000 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตที่มีการชะลอตัวอย่างเด่นชัดจากปี 2558 ที่มีการเติบโตถึง 4% โดยแบ่งเป็นมูลค่าของตลาดทีเป็นเชนร้านอาหาร 114,000 – 116,000 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 3.6 – 5.5% จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 110,000 ล้านบาท และมูลค่าตลาดของร้านอาหารทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารขนาดกลางและเล็ก ประมาณ 268,000 – 269,000 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 1.1 – 1.5% จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 265,000 ล้านบาท
นายกสมาคมกล่าวต่อว่า สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร ก่อตั้งขึ้นโดย ผู้ทรงคุณวุฒิทุกสาขาในอุตสาหกรรมผลิตและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจร้านอาหาร เป็นกลุ่มนักบริหารธุรกิจร้านอาหารมืออาชีพที่มีความมุ่งมั่นในการร่วมกันพัฒนาวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาชาติ โดยคณะกรรมการบริหารสมาคม เป็นที่ยอมรับ เชื่อถือ และ ไว้วางใจ จากวงการร้านอาหรและเครื่องดื่มโดยทั่วไป ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์และรู้ปัญหาของร้านอาหารอย่างแท้จริง จากการที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการนี้เป็นเวลาอันยาวนาน ภายใต้ปรัชญา - ONE TOP THAI - ONE TOP TEAM OF THE WORLD
"หลักการบริหารสมาคมที่ยึดมั่นในความโปร่งใส ใจถึง และ ทุ่มเท ต่อกลุ่มสมาชิกร้านอาหาร เสริมประสิทธิภาพให้แข็งแกร่ง โดยมีการกระจายการบริหารในรูปแบบเครือข่ายภาค สู่ ระดับเครือข่ายจังหวัด และ สู่เขตพื้นที่ย่อยในทุกจังหวัดในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน การดึงเครือข่ายธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศมาเชื่อมโยงกับธุรกิจอาหารทั่วไทย โดยคณะกรรมการและสมาชิกของสมาคมจะร่วมกันแก้ไขปัญหา สร้างสรรค์ และพัฒนาให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ ยกเครื่องสู่กระบวนทัศน์ 4.0 ให้ทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสธุรกิจ โดยมีเป้าหมายยกระดับร้านอาหารไทยให้อยู่รอด สามารถแข่งขันได้ทั้งตลาดในประเทศ และ ก้าวสู่สากลในตลาดนานาชาติ"
นางลัดดาระบุอีกว่าสำหรับสมาชิกของสมาคม แบ่งตามลั้กษณะพื้นที่ 3 ขนาด คือ ร้านอาหารขนาดเล็ก พื้นที่ 50 ตรม. ขนาดกลาง มีพื้นที่ / 200 ตรม และ ร้านอาหารขนาดใหญ่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตรม. ขึ้นไป ประกอบด้วย สมาชิกสามัญ มีร้านอาหารให้บริการ สมาชิกวิสามัญ คือ เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สมาชิกตลอดชีพ และ สมาชิกกิตติมศักดิ์ ปัจจุบัน สมาคมฯ มีสมาชิกทั้งสิ้น 50,000 ราย โดยตั้งเป้าบรรลุ 200,000 ราย ภายในปี 2560
ในส่วนของสภาวการณ์ในอุตสาหกรรมธุรกิจร้านอาหาร นั้น นางลัดดา ระบุว่านระยะที่ผ่านมา บรรยากาศการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารเป็นไปอย่างรุนแรง จากการที่มีผู้ประ กอบการเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก โดยธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่อย่าง “เชนร้านอาหาร” ได้มีการนำเสนอร้านอาหารใหม่ๆ สู่ตลาด และขยายสาขาร้านอาหารเดิมอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ผู้ประ กอบการรายใหญ่ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ผู้ผลิตเครื่องปรุง ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ผู้ผลิตเครื่องดื่ม เป็นต้น ต่างก็ใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ต่อยอดขยายการลงทุนสู่ธุรกิจร้านอาหารมากยิ่ง ๆ ขึ้น
ส่วนธุรกิจร้านอาหารขนาดกลางและเล็ก ต่างก็ล้วนมีพัฒนาการ ดิ้นเพื่อความอยู่รอด โดยมีการนำความคิดสร้าง สรรค์มาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหาร และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อตอบโจทย์แนวโน้มการแสวงหาร้านอาหารที่แปลกใหม่ ทันสมัย และมีเอกลักษณ์ ตามไลฟ์สไตล์ใหม่ของผู้บริโภค
ทั้งนี้ เพื่อความอยู่รอด ร้านอาหารต้องใช้กลยุทธ์ให้ถูกต้องกับแต่ละประเภทของร้านอาหาร โดยสมาคมฯ ได้เป็นตัวกลางในการเพิ่มทักษะและขีดความสามารถทั้งด้านการบริหาร การบริการ ให้กับกลุ่มสมาชิก โดยได้ริเริ่มโครงการ “สัมมนาเครือข่ายผู้ประกอบการร้านอาหาร” เดินสายจัดสัมมนาให้ความรู้ 9 ภูมิภาค ทั่วประเทศ โดยขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 5 สัมมนา 5 ภาค พร้อมการประกวดสุดยอดเชฟประจำภาค
นอกเหนือจากการให้ความรู้และเพิ่มทักษะแล้ว สมาคมฯ ยังมีโครงการ Business Matching จับมือกับ สมาคมการค้าไทย-หูเป่ย เดินทางไปพบนักธุรกิจจีน และ หาแหล่งเงินทุนเพิ่มสภาพคล่องให้กับร้านอาหารกลุ่มสมาชิก อีกด้วย