ข่าว

ขี่ช้างชมเมือง ร่วมงาน “แซนโฎนตา”
แวะพักโฮมสเตย์บ้านไทยสไตล์เขมร

ขี่ช้างชมเมือง ร่วมงาน “แซนโฎนตา” แวะพักโฮมสเตย์บ้านไทยสไตล์เขมร

18 ก.ย. 2552

“ขุขันธ์” เป็นอำเภอหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาว "เขมร" ซึ่งสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีของบรรพบุรุษมาช้านาน

 ประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของคนที่นี่ คือ พิธี “แซนโฎนตา” ซึ่งคำว่า แซนโฎนตา เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาเขมร “แซน” แปลว่า การเซ่นไหว้ การอุทิศ หรือการบวงสรวง ส่วนคำว่า “โฎนตา” แปลว่า ปู่ย่าตายาย หรือบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

 แซนโฎนตา จึงเป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว โดยจะมีการจัดขึ้นทุกวันแรม 14 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี ซึ่งลูกหลานที่เดินทางไปทำมาหากินที่อื่นทุกสารทิศจะต้องกลับมาร่วมพิธีกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน

 ส่วนสาเหตุที่ต้องจัดพิธีกรรมในช่วงนี้ เพราะบรรพบุรุษของชาวขุขันธ์มีความเชื่อว่า ช่วงนี้ในเวลากลางคืนจะมีลมพัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อที่ว่า ลมดังกล่าวจะพัดพาเรือส่งอาหารไปถึงเปรตที่อยู่ทางทิศใต้

 ทั้งนี้ ก่อนจะถึงวันทำพิธีแซนโฎนตา หรือที่ชาวขุขันธ์เรียกว่า “เบ็ญธม” ในระหว่างวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งชาวเขมรเชื่อว่า เมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ประตูยมโลกจะเปิด และอนุญาตให้ผีในยมโลกเดินทางมาเยี่ยมญาติได้ ไปจนถึงก่อนวันแรม 14 ค่ำเดือน 10

 ชาวบ้านจะพากันไปวัดเพื่อประกอบกิจกรรมทางศาสนา เช่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ ฟังพระธรรมเทศนา เป็นต้น และเมื่อเหลืออีก 1-2 วันก่อนจะถึงวันแรม 15 ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียมจัดพิธีแซนโฎนตา

 ในการนี้ชาวบ้านจะทำขนมหลากหลายชนิด เช่น ข้าวต้มมัด และขนมเทียน เพื่อเอาไปทำบุญที่วัด และเป็นของฝากญาติพี่น้องด้วย

 สืบสวัสดิ์ สืบสายพรม นายกเทศมนตรีตำบลห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า หลังจากตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษแล้ว จากนั้นจะมีพิธีแซนโฎนตาที่บ้านในตระกูลของตัวเอง

 การประกอบพิธีกรรมจะมีการปูเสื่อ วางฟูก และเอาหมอนวางบนส่วนท้ายของฟูกอีกด้านหนึ่ง จากนั้นจึงเอาผ้าขาวคลุมหมอนอีกชั้น เพื่อวางกระป๋องสำหรับจุดธูปเทียน

 ส่วนด้านล่างจะมีแก้วน้ำ 4 ใบ จัดเรียงเป็นแถว ถัดมามีพาน 1 คู่ ที่บรรจุหมาก พลู บุหรี่ และแถวถัดมาจัดพานขนม และผลไม้ ส่วนที่ถัดออกไปอีกจะเป็นถาดใส่อาหารเซ่นไหว้ และใส่ข้าวในจานข้าวด้วย

 เมื่อญาติพี่น้องมาพร้อมหน้ากันแล้วจะทำพิธีเซ่นไหว้ โดยจุดธูปเทียนอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมารับของเซ่นไหว้ โดยอัญเชิญเป็นระยะๆ 3 ครั้ง การอัญเชิญในแต่ละครั้งจะมีการเทน้ำใส่เเก้วเพื่อกรวดน้ำทุกครั้ง

 เมื่อครบ 3 ครั้งแล้ว จะนำถ้วยชามมาตักอาหาร ใส่ขนม และผลไม้ที่เป็นเครื่องเซ่นไหว้ รวมทั้งบุหรี่ และธูปเทียน นำไปเท หรือวางไว้บนดินนอกบ้าน เพื่อส่งไปให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว

 ขณะเดียวกันก็จะมีการขอพรให้ลูกหลานมีความสุขความเจริญ โดยขั้นตอนสุดท้าย ชาวบ้านจะจัดทำเรือ หรือกระทงเล็กๆ โดยใช้ต้นกล้วย บรรจุข้าว ข้าวโพด ถั่ว และเงิน

 เมื่อถึงเวลาประมาณตีสี่ถึงตีห้าก็จะนำเรือไปลอยตามกระแสน้ำ เพื่อส่งไปยังพวกเปรตตามความเชื่อ โดยชาวบ้านเชื่อว่า เปรตมี 4 ชนิด คือ 1.เปรตที่เลี้ยงตัวเองด้วยเลือด 2.เปรตที่หิวตลอดเวลา 3.เปรตที่ไฟไหม้ตลอดเวลา และ 4.เปรตที่เลี้ยงตัวโดยผลบุญกุศลที่มีคนอุทิศให้

 เชื่อว่าเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่ญาติพี่น้องจะได้มีโอกาสมาพบปะกันปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ห่างไกล หรือไปทำงานต่างถิ่น ก็จะถือโอกาสนี้กลับบ้านมาพบญาติพี่น้อง

 พิธีแซนโฎนตาปีนี้ยังเป็นโอกาสอันดีในวาระครบรอบ 250 ปีของเมืองขุขันธ์ (พ.ศ.2302-2552) จึงใช้ชื่องานอย่างยิ่งใหญ่ว่า “งานเทศกาลรำลึกพระยาไกรภักดี ประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี”

 หากใครประสงค์จะเข้าร่วมงานดังกล่าว แต่อาจจะไปร่วมไม่ทัน ก็สามารถเข้ามาพักที่โฮมเสตย์ในบรรยากาศ "บ้านไทยสไตล์เขมร" พร้อมบริการพิเศษ "ขี่ช้างชมเมือง" ชมพิธี "รึมมม็วด (รำแม่มด)" และกราบไหว้ "หลวงพ่อโตวัดเขียน" เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต

"มนูญ มุ่งชู"