ข่าว

กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล ชี้สภาวะตลาดFMCG ถดถอยที่สุดในรอบ10ปี

กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล ชี้สภาวะตลาดFMCG ถดถอยที่สุดในรอบ10ปี

30 ส.ค. 2560

กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล ชี้สภาวะตลาดFMCG ถดถอยที่สุดในรอบ10ปี

             บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ KWP ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคเชิงลึก ที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภคที่มีอัตราการบริโภคสูง หรือ FMCG (Fast Moving Consumer Goods) ด้วยการนำเสนอการวิจัยด้านพฤติกรรมการบริโภคโดยฉีกแนวดำเนินการวิจัยในสู่รูปแบบ คอนซูเมอร์ พาแนล (Consumer Panel)  ที่เน้นตัวผู้บริโภคที่ทำการซื้อจริง โดยครอบคลุมการวิจัยด้านพฤติกรรมการจับจ่ายให้สมบูรณ์ทั้งด้าน Take Home (ซื้อเพื่อใช้ในบ้าน) และ Out of Home (ไลฟ์สไตล์การบริโภคนอกบ้าน) โดยมีจุดเด่นคือ เป็นการใช้ฐานกลุ่มผู้บริโภคตัวอย่างขนาดใหญ่ในลักษณะเป็น “ครัวเรือน” กว่า 4,000 กลุ่มครัวเรือนตัวอย่าง ในสัดส่วนที่ให้ประสิทธิผลสูงสุด ครอบคลุมทั้งผู้บริโภคที่เป็นคนเมืองและผู้บริโภคในเขตชนบท

              ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถใช้เป็นตัวแทนแสดงผลพฤติกรรมการซื้อของประชากรทั่วประเทศ กว่า 22.2 ล้านครัวเรือน ได้อย่างแม่นยำ โดยวิธีการเก็บข้อมูลเป็นการเก็บข้อมูลจาก “ตะกร้าสินค้า”  ผ่านเทคโนโลยีล้ำหน้า “กันตาร์ แอปพลิเคชัน - Panel Smart” ที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้บน Smartphone และรองรับทั้งระบบ iOS และ Android เป็นรายแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างความสะดวกและข้อมูลที่แม่นยำให้กับกลุ่มตัวอย่างในการบันทึกข้อมูลจากการจับจ่ายจริง และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ประมวลผลด้วยดัชนี Consumer Reach Point (CPR) ซึ่งเป็นอัตราการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าจริงๆ นับเป็นเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทำการพัฒนาขึ้นและเป็นเอกสิทธิเฉพาะของกันตาร์ เวิร์ลดพาแนล พร้อมให้บริการข้อมูลวิจัยอันทรงคุณค่านี้ในรูปแบบสมาชิกผ่านเครื่องมือ “WPO” (Worldpanel Online)  แบบ  24X7 ที่ล้ำหน้า ทั้งหมดนี้ เป็นนวัตกรรมการทำวิจัยและประมวลผลที่ กันตาร์ เวิร์ลดพาแนลได้พัฒนาขึ้นใช้เอง เพียงแรกและรายเดียวในประเทศไทย 

               นายอิษณาติ วุฒิธนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  (Mr. Aitsanart Wuthithanakul, New Business Development Director) เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีการดิ่งลงตั้งแต่ มกราคม 2560 เป็นต้นมา ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และ การตกต่ำของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น  ข้าว  ข้าวโพด ยางพารา นอกจากนี้ ปัจจัยหนี้ในครัวเรือนยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดกำลังการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนในขณะที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างเต็มที่ (อัตราหนี้ในครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตั้งแต่ปี 2553 (2010) ถึงปี 2559 ในสัดส่วน 59, 66, 72, 77, 80, 81, และ 80 ตามลำดับ)   

             บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) จึงได้ทำรายงานวิจัยชุดพิเศษขึ้น ชื่อชุด  “Essential Shopper Trends Thailand” เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยด้านพฤติกรรมการบริโภคในยุคภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความต้องการในตลาด และ ปัจจัยด้านช่องทางค้าปลีกที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้เจ้าของแบรนด์สินค้า นักการตลาด รวมไปถึงผู้ค้าปลีกได้ทราบถึงข้อจำกัด ปัญหา และแนวโน้มเพื่อการวางแผนธุรกิจได้อย่างแม่นยำในปัจจุบัน และร่วมกันพัฒนาตลาดให้อยู่รอด บนพื้นฐานประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก

              นายอิษณาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าจากข้อจำกัดด้านกำลังซื้อ  ตลอดจนนิสัยการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งคือ ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อสินค้ามากขึ้น และส่งผลโดยตรงต่อสถิติการเติบโตที่ถดถอยของตลาด FMCG มาอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากยอดขายของกลุ่มสินค้า 3 กลุ่มหลักในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 จนถึง ไตรมาส 2 ของปี 2560 ประกอบไปด้วย  กลุ่มสินค้าในครัวเรือน ในอัตรา 3.3 กลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคล 6.2 และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในอัตรา 0.6 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 แล้ว อัตรายอดขายลดลงเหลือเพียง 4.1 1.5 และ 0.2 ตามลำดับกลุ่มสินค้า

            "เมื่อมองในแง่ของพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยภาพรวมในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคทำการ - ซื้อน้อยลง  (Buy Less) และ จ่ายน้อยลง (Pay Less)  การซื้อน้อยลงประกอบไปด้วย ปริมาณสินค้าที่ซื้อน้อยลง กลุ่มสินค้าที่ถูกซื้อน้อยลง และลดความถี่ที่ออกไปจับจ่ายสินค้า  ส่วนการจ่ายเงินน้อยลงนั้น ประกอบไปด้วยการซื้อสินค้าในขนาดบรรจุที่เล็กลง การเลือกซื้อในช่วงมีโปรโมชั่น และที่อันตรายที่สุด คือ การเปลี่ยนช่องทางร้านค้าที่ซื้อสินค้าไปเลย และสถานการณ์ที่เหล่าผู้ค้าปลีกทั้งหลายต้องเผชิญอยู่นั้น เป็นการรับศึกหนักกับการที่ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการจับจ่ายมากยิ่งขึ้น"
                จากข้อมูลวิจัย แสดงให้เห็นถึงสถิติด้านความถี่ในการออกไปจับจ่ายจากปี 2555 ถึงปี 2560 ว่า จากสถิติความถี่การซื้อสินค้า 210 ลดลงเหลือเพียง 201 ครั้งต่อปี โดยที่ผู้บริโภคทำการซื้อสินค้าตามความจำเป็นมากยิ่งๆ ขึ้น  ผู้บริโภคจะเลือกจับจ่ายเฉพาะกลุ่มสินค้าที่จำเป็นมากกว่าสินค้าที่ไม่จำเป็น นั่นคือจาก 44 กลุ่มสินค้า ถูกลดเหลือเพียง 42 กลุ่มสินค้าในหนึ่งปี และผู้บริโภคยังซื้อสินค้าที่อยู่ในช่วงโปรโมชั่นมากยิ่งขึ้น จาก 25% ที่ทำการซื้อตามโปรโมชั่นเพิ่มขึ้นเป็น 36% (ทั้งนี้นับเป็นสถิติในช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ต) โดยรวมการเติบโตของกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อลดลง  จากอัตรา 48% เหลือเพียง 37% เท่านั้น

               อย่างไรก็ตาม จากผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงว่า กลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มที่จะถูกบริโภคมากขึ้นนั้น จะเป็นกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาหาร หรือ สินค้า “Home Meal” ซึ่งมีอัตราการขยายตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กะทิกล่องสำเร็จรูป (Coconut Milk), น้ำยาซักผ้า (LQD Detergent), ส่วนผสมและเครื่องปรุงอาหาร (Meal Maker), นมถั่วเหลืองสเตอริไลซ์ (Sterilized Soy Milk), ผลิตภัณฑ์ไล่แมลง (Insect Repellant), เครื่องดื่มชนิดผงชงดื่ม (RTD TFD), น้ำส้มสายชู (Vinegar), นมดื่มสเตอริไลซ์ (Sterilized LQD Milk), ขนมแปรรูปจากปลาหมึก (Cuttle Fish Snack), นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม (UHT DKY), และข้าว (Rice) 

                สำหรับช่องทางจัดจำหน่าย ผลจากการวิจัยพบว่า ตลาดออฟไลน์รูปแบบร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นเชนนั้นมีการขยายตัว ในขณะที่ช่องทางออนไลน์กำลังเป็นช่วงขาขึ้น การตอบรับทางช่องทางออนไลน์มีสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ายังมีสัดส่วนที่ยังไม่ใหญ่นักก็ตาม                สำหรับข้อคิดเห็นจากรายงานวิจัยชุดนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ไม่ค่อยมีความภักดีต่อแบรนด์มากนัก พวกเขาบริโภคหลายๆแบรนด์ หากผู้ค้าปลีกหรือแบรนด์ใดมีกลยุทธ์ที่ดีและบริการถูกใจ ลูกค้าก็จะให้ความภักดีต่อแบรนด์นั้นๆ แต่แบรนด์ใดที่ไม่ได้สร้างความประทับใจต่อสินค้าและบริการต่อลูกค้าเหล่านั้น พวกเขาพร้อมที่จะเปลี่ยนแบรนด์และสถานที่จับจ่ายสินค้าทันที

               นายอิษณาติ ย้ำด้วยว่าบริษัท กันตาร์  เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) จำกัด – Kantar Worldpanel (Thailand)  เป็นบริษัทหนึ่งในเครือ WPP ซึ่ง WPP นี้ เป็น เอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษและมีบริษัทในเครือมากกว่า 100 บริษัทกระจายอยู่ทุกทวีปที่ล้วนเป็นบริษัทผู้นำระดับโลกที่มีความเชียวชาญเฉพาะด้านต่าง ๆ ทั้งสิ้น อาทิ เอเจนซี่ผู้นำระดับโลกด้านโฆษณา, ด้านสื่อสารการตลาด, ด้านการวางแผนและบริหารสื่อ, ด้านการวิจัยตลาดและผู้บริโภค, ด้านประชาสัมพันธ์  ตลอดจน ด้านอื่น ๆ  ที่อยู่ในหลากหลายธุรกิจประเภท

                  อย่างไรก็ตาม กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล ได้สั่งสมผลงานและประสบการณ์มายาวนานกว่า 60 ปีและกระจายการให้บริการในประเทศที่มีศักยภาพกว่า 55 ประเทศทั่วโลก  ทั้งในรูปแบบสำนักงานสาขาของบริษัท และ ลักษณะพันธมิตรธุรกิจ  ด้วยข้อมูลวิจัยอันทรงพลังนี้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง  ทำให้กันตาร์เวิร์ลดพาแนล - Kantar Worldpanel ได้รับความไว้วางใจในการใช้บริการข้อมูลวิจัยดังกล่าว จากองค์กรชั้นนำมากกว่า 600 บริษัททั่วโลก เพื่อนักการตลาดในประเทศที่สนใจข้อมูลบทวิเคราะห์รวมถึงข่าวสารต่างๆ โดยสรุปการจัดอันดับแบรนด์ที่ถูกเลือกซื้อสูงสุดนี้ นักการตลาดในประเทศไทยที่ สนใจสามารถดูข้อมูลได้ที่ www.brandfootprint-ranking.com หรือ อยากปรึกษาข้อมูล ด้านการบริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่ www.kantarworldpanle.com