สั่งใช้ KPI วัดความคุ้มค่าการทำงานดีเอสไอ   | คมชัดลึก

          29 ธ.ค. 60 พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการทำงานให้ดีเอสไอ  โดยมี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล  พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังนโยบายการทำงาน

          พล.อ.อ.ประจิน กล่าวภายหลังมอบนโยบายว่า วันนี้ได้ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้ดีเอสไอเป็นกรมแรก ซึ่งมีภารกิจหลักในการสอบสวนคดีพิเศษ 4 กลุ่มคดี โดยจากนี้ไปบริบทการดำเนินงานของดีเอสไอต้องปรับเปลี่ยนปฏิรูปองค์กร อัตรากำลัง เพิ่มขีดความสามารถให้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงที่ซับซ้อนมากขึ้น  และสนับสนุนการต่อต้านภัยยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น ส่วนคดีบุกรุกที่ดิน, แชร์ลูกโซ่, ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงเกินอัตรา และสินค้าไม่มีคุณภาพ ซึ่งประชาชนเป็นผู้เสียหา ได้กำชับให้การสอบสวนแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน  เพราะคดีเหล่านี้กระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย และไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยสูง สำหรับคดีค้างการสอบสวนเป็นเวลานาน ได้สั่งการให้จัดกลุ่มที่ชัดเจนแล้วนำมารายงานภายในมี.ค.นี้ พร้อมสรุปอุปสรรคหรือข้อจำกัดแต่ละคดีว่ามีอะไรบ้าง ติดขัดส่วนไหน และกำหนดกรอบเวลาการสอบสวนให้เสร็จชัดเจน  หลังจากนี้การบริหารคดีของดีเอสไอจะต้องใช้หลัก KPI มาจับเพื่อดูว่าการทำคดีของดีเอสไอคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไปหรือไม่

            ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายที่ให้ดีเอสไอช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่เป็นธรรม แต่ก็ห้ามทำคดีเล็กๆ จะมีเส้นแบ่งอย่างไร พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาโซเซียลมีเดียนำข้อมูลออกไปเผยแพร่ว่า ดีเอสไอมีคดีค้างเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งเป็นคดีเล็กน้อยๆ ที่ตำรวจสามารถทำได้  ซึ่งปัจจุบันมีคดีที่เข้ามาร้องทุกข์ที่ดีเอสไอจำนวนมาก จึงสั่งการให้ดีเอสไอวางกรอบการทำงาน โดยให้สำรวจกฎหมายแนบท้าย 41 ฉบับ หากคดีใดสืบสวนหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเป็นคดีเล็กน้อยก็ให้ส่งคืนตำรวจพื้นที่ดำเนินการ  สำหรับภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดีเอสไอก็ยังรับสอบสวนต่อไป