ข่าว

'ครูปรีชา'มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเจ้าของ'หวย 30 ล้าน'

'ครูปรีชา'มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเจ้าของ'หวย 30 ล้าน'

06 ก.พ. 2561

ครูปรีชา คู่กรณี ร.ต.ท.จรูญ หวย 30 ล้านอลเวง มั่นใจลอตเตอรี่เป็นของตน 100% พร้อมถามนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เป็นใครมาสั่งให้กลับใจ

 

 

               จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อเรียกร้องขอให้ย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการชั่วคราว โดยนายอัจฉริยะ มองว่า พล.ต.ต.สุทธิ ประพฤติตนไม่เหมาะสม เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อายุ 62 ปี อดีตข้าราชเกษียณตำรวจ ที่นำสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ ไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวที่หักภาษีแล้วไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย และได้เบิกเงินออกมาใช้จ่ายค่าบ้าน ค่ารถยนต์ แล้ว จำนวน 5,500,000 บาท

               แต่ต่อมานายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปีครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ว่า ลอตเตอรี่ของตนหล่นหาย จนกระทั่งมีการอายัดเงินของ ร.ต.ท.จรูญ ที่มีอยู่ในธนาคาร จนเป็นข่าวโด่งดัง และสร้างความสับสนให้กับคนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่นายอัจฉริยะ เข้าพบและยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เข้ามาดูแลคดีดังกล่าวแทนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อความสบายใจของคู่กรณี และสังคมที่คอยเชียร์ทั้งสองฝ่าย

               ล่าสุดเมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (6 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักของนายปรีชา โดยครูปรีชาเดินออกมาพบผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกล่าวว่า กรณีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งโอนคดีไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ดูแลคดีแทนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นั้น คุณครูก็ยินดีและยินดีทุกเรื่อง เพราะเป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็ยินดีที่จะไปทุกที่ เพราะเรามีความเชื่อมั่นในความจริง ดังนั้นไม่ว่าที่ไหนก็ไปได้  ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ได้มีความกังวลหรือหนักใจอะไรทั้งสิ้น แต่กลับรู้สึกสบายๆ และทำให้สบายใจด้วย ของจริงจะไปที่ไหนก็คือของจริงและของแท้ เราไม่ได้กลัวอะไรเลย และมั่นใจในสิ่งที่เรามีอยู่ เรามั่นใจในความเป็นจริง และจะเดินตามรอยความเป็นจริงไป

               เมื่อถามว่ากรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ประกาศให้เวลาครูในการกลับใจ ตรงนี้ครูปรีชาคิดอย่างไร ครูปรีชาตอบว่า แล้วนายอัจฉริยะ เป็นใคร ถึงมาบอกว่าจะให้เวลาครู ฝากสื่อไปถามนายอัจฉริยะ หน่อยว่า ทำไมต้องมาให้เวลาคุณครู นายอัจฉริยะ เป็นศาลหรือ ขอให้เขาเตรียมหลักฐานของเขาที่มีอยู่เข้าสู่กระบวนการของศาลจะดีกว่า เพราะว่าตอนนี้ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ก็ได้แถลงการณ์ออกมาแล้วว่า ลอตเตอรี่นั้นเป็นของครู ซึ่งเราต้องเคารพเรื่องของกฎหมายในกระบวนการของศาล ครูพูดถูกจริงไหมครับ เพราะฉะนั้นเขาเป็นใคร ที่มาระบุว่าเราต้องไปรายงานตัวกับเขา ฝากสื่อมวลชนไปบอก นายอัจฉริยะ ด้วยว่า คุณครูไม่ได้มีอะไร แต่ว่าคุณครูเชื่อมั่นในสิ่งที่เรามี ถ้าเขามีอะไรก็ให้ไปพูดในกระบวนการของศาล และทำไมเขาต้องมายื่นโนติสว่า คุณครูต้องไปพบเขากี่โมง ขอฝากไปว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว เพราะว่าภาค 7 ก็ได้แถลงข่าวออกมาเรียบร้อยแล้ว และฝากบอกนายอัจฉริยะ ด้วยว่า ทำไมครูต้องไปแสดงตัวกับเขา และเมื่อเขาบอกว่าเขามีหลักฐานก็ขอให้แสดงออกมา ซึ่งครูก็ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด

               ถามว่าขวัญและกำลังใจขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตอบว่าขวัญและกำลังใจก็ยังคงเป็นปกติ ของจริงต้องปกติ แต่ถ้าของไม่จริงก็คงจะต้องวิ่งไปวิ่งมา จริงไหมครับ และถามว่าหากวันข้างหน้าคดีพลิกกลับไปทาง ร.ต.ท.จรูญ จะทำอย่างไร ตอบว่าภาพในอนาคตไม่ต้องไปคิด เอาปัจจุบันนี้ให้ดีก็พอ ให้เราเดินไปตามสิ่งที่เรามี และสิ่งที่เราเป็น ซึ่งอยากจะไปถึงสังคม ซึ่งสังคมขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะสังคมนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม โดยเฉพาะสังคมของคนไทยของเรา และมีวิถีชีวิตที่ดีงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นความเชื่อมั่น ความเชื่อถือกับสองหลักที่ครูเคยบอกคือ ความเชื่อกับความจริง จึงขอให้สังคมได้แยกแยะระหว่างความเชื่อกับความจริง และถึงขณะนี้ครูก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าลอตเตอรี่นั้นเป็นของครูอย่างแน่นอน 100% เพราะฉะนั้นจึงอยากจะฝากบอกไปว่าเรื่องของคดีคือเรื่องของกระบวนการของศาล ซึ่งครูเคยพูดเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ไม่ใช่ว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่ง จะมาสั่งให้ตนไปทำอะไรก็ได้ และขอฝากไปบอกเขาด้วยว่า ศาลเท่านั้นที่จะตัดสินได้ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง และไม่ใช่มาอ้างว่ามีหลักฐาน ซึ่งถ้ามีก็ขอให้นำมา

               “สำหรับเรื่องหลักฐานของครูนั้น เป็นเรื่องของคดี เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม โดยที่ผ่านมาก็ได้บอกสื่อไปทุกแขนงแล้วว่า เรื่องของคดี เรื่องของหลักฐาน เราจะไม่ขอพูดตรงนี้อีก ส่วนเรื่องของทนายที่มีการเปลี่ยนตัวนั้น ตรงนี้ก็ขอปิดและขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวก่อน โดยอันไหนที่บอกสื่อได้ก็จะบอก อันไหนที่บอกไม่ได้ก็ขอปิดเอาไว้ก่อน สุดท้ายนี้ขอฝากสื่อไปบอกเขาด้วยว่า สิ่งที่ครูพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง”ครูปรีชา กล่าว

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ครูปรีชาจะเดินทางไปสอนนักเรียน ได้พูดแหย่เล่นกับสื่อมวลชนว่า คราวหน้าหากจะเอารูปครูไปลงข่าว ขอให้เอาภาพหล่อๆ หน่อยสิ ดังนั้นจึงขอให้ครูหามุมถ่ายภาพ โดยเลือกบริเวณป้ายบ้านเลขที่ ที่มีอักษรสลักเอาไว้ว่า“นะโม”ซึ่งครูปรีชาได้ชูนิ้วโป้ง รวมทั้งถอดแว่นตา และยิ้มให้สื่อถ่ายภาพด้วย