ลำดับเลือด...ฆ่าดับแค้น5ศพสระบุรี
ปฏิบัติการอุกอาจสะเทือนขวัญฆ่า 5 ศพสระบุรี มีปมอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ ความแค้นและล้างหนี้อาย ที่คนมีสีกลุ่มหนึ่งถูกลบเหลี่ยมเกินกว่าจะให้อภัย !?!
ชวลิต ทิพยเศวต อายุ 42 ปี ส.ท.เมืองสระบุรี วรพล ชาจิรัสย์ อายุ 50 ปี ปัญญา มหาแก้ว อายุ 45 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง อารมณ์ อุดมสันต์ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านอาหารไวท์เฮ้าส์ และ ส.ท.เมืองสระบุรี และปราโมทย์ สานิชวรรณกุล อายุ 43 ปี เสี่ยรถบรรทุก บริษัท อรพรรณขนส่ง จำกัด ถูกคนร้ายยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.และ .38 ในระยะประชิดตามมุมต่างๆ ในบ้านเลขที่ 149 หมู่ 4 ต.แค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 2 ต่อเนื่อง 3 ตุลาคม 2552
บ้านเกิดเหตุเป็นบ้านทรงไทยมีรั้วรอบขอบชิด มีสวนหย่อมปลูกต้นไม้ไว้ดูร่มรื่น มีบ้านอยู่ในอาณาบริเวณ 2 หลังใหญ่ หลังแรกเป็นบ้านชั้นเดียว หลังที่สองเป็นบ้านสองชั้น หลังบ้านปลูกต้นไม้ไว้อีกกว่า 10 ไร่ ก่อนเกิดเหตุทั้ง 5 คนไปดื่มกินกันที่ร้านอาหารริมคลองชลในตัวเมือง ก่อนจะซื้อเหล้าและกับแกล้มมากินต่อที่บ้านตอนเที่ยงคืน พอตี 2 ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด แต่ไม่คิดว่าจะมีเหตุร้าย เนื่องจากเจ้าของบ้านมักซ้อมยิงปืนเป็นประจำ จึงไม่มีใครสนใจกระทั่งรุ่งเช้าจึงพบว่า ทั้ง 5 คนได้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว
หลังเกิดเหตุ 1 วัน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง แล้วเรียกประชุมชุดสืบสวน ประกอบด้วย พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อุฬาร อเนกบุณย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ทรงฤทธิ์ สุขสมใจ ผกก.สภ.หน้าพระลาน พ.ต.ท.จักรกฤช วีระเดช รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.มนต์ชัย พุ่มพูน สวป. และ พ.ต.ท.สานิต งามขำ สว.สส. เพื่อคลี่คลายคดี และตรวจสอบประวัติของเหยื่อแต่ละคนจนทราบว่า 1 ใน 5 มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับคนมีสีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งปฐมบทถูกบันทึกอยู่ในบันทึกประจำวันด้วย
เมื่อเวลาตี 3 ครึ่ง วันที่ 25 กันยายน มีนายทหารยศ พ.ต. 2 คน ร.อ. 1 คน และ ร.ท.1 คน สังกัดกองทหารในจังหวัดสระบุรี ได้เข้าไปนั่งดื่มกินที่ร้านอาหารไวท์เฮ้าส์ของ ส.ท.อารมณ์ และถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส บ้างกรามหัก บ้างแขนหัก แตกต่างกันไป ทั้งสี่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี
หนึ่งในชุดสืบสวนบอกว่าชนวนเหตุเกิดจากขณะดื่มกินจนเมาได้ที่ หนึ่งในกลุ่มทหารไปจับก้นเด็กเสิร์ฟสาว ส่งผลให้ ส.ท.อารมณ์เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่รับรู้กันดีในสังคมซุบซิบเมืองสระบุรี และมีการพูดถึงในทำนองว่ากันว่า อารมณ์ได้ไปว่าจ้างเด็กวัยรุ่นใจถึงหลายคนเป็นเงิน 3,000 บาท ให้ทำร้ายนายทหารทั้งสี่ หลังเกิดเหตุมีเสธ.ทหารคนหนึ่งเรียกให้อารมณ์เข้าไปเคลียร์ปรับความเข้าใจ แต่เขากลับปฏิเสธและหนีไปอยู่กับปราโมทย์เพื่อนสนิทแทน
วันที่ 26 กันยายน หรือ 1 วันถัดมา เวลา 6 โมงครึ่ง มีกลุ่มชายฉกรรจ์ตัดผมสั้นเกรียนราว 20 คน เข้ามาดื่มกินภายในร้านไวท์เฮ้าส์ มีการสั่งสุราอาหารมากินขนานใหญ่ กระทั่ง 4 ทุ่มจึงมีชายฉกรรจ์อีกกลุ่มใหญ่ตามมาสมทบ ถ้าไม่ถึง 100 คนก็น่าจะใกล้เคียง เข้ามาใช้บริการ ดื่มกินจนเกือบตี 3 ก่อนจะเรียกเก็บเงินเบ็ดเสร็จ 36,149 บาท แต่ทั้งหมดไม่ยอมจ่ายและบอกให้ไปเก็บกับหน่วยงานทหารแห่งหนึ่งในเมืองสระบุรี ก่อนจะลงมือทุบทำลายทรัพย์สินจนพังยับเยินไปทั้งร้าน หลังเกิดเหตุพนักงานร้านได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้
ระหว่างนี้ ส.ท.อารมณ์เริ่มกริ่งเกรงถึงภัยคุกคาม เขาเก็บตัวและขลุกอยู่กับปราโมทย์กับกลุ่มเพื่อน ขณะเดียวกันก็พยายามติดต่อผู้ใหญ่คนกลางให้ช่วยเข้ามาไกล่เกลี่ยความบาดหมาง โดยฝ่ายทหารที่ถูกทำร้ายยื่นข้อเสนอให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญเป็นเงิน 2 ล้านบาท โดยจะนำมาแบ่งกันคนละ 5 แสนบาท แต่อารมณ์ไม่ยินยอมตกลง และขอต่อรองลงมาเป็น 1 ล้านบาท สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มนายทหารคู่กรณีอย่างมาก
ในขณะที่การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ วันที่ 29 กันยายน เวลาประมาณตี 2 ครึ่ง มีชายฉกรรจ์ตัดผมสั้นเกรียน 6 คน อายุประมาณ 20-25 ปี เข้ามาก่อเหตุทำลายข้าวของในร้านไวท์เฮ้าส์อีกครั้ง โดยโยนโต๊ะไม้และเก้าอี้ 12 ชุดลงไปในคลอง หลังเกิดเหตุพนักงานได้เข้ามาลงบันทึกประจำวันเอาไว้อีกครั้ง
ถึงตอนนี้เสี่ยอารมณ์เริ่มตระหนักแล้วว่าเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองและจัดการกับความบาดหมางที่เกิดขึ้นได้ และผู้ใหญ่คนกลางเองก็บอกให้ยอมจ่ายเสียเรื่องจะได้จบ สุดท้ายเขาจึงตอบตกลงและนัดจ่ายเงินในเช้าวันที่ 3 ตุลาคม แต่ก็มาถูกฆาตกรรมหมู่เสียก่อนในกลางดึกนั่นเอง
"ตามแนวทางการสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุอารมณ์อยู่ในบ้านทรงไทยหลังเกิดเหตุ ได้โทรศัพท์ไปบอกคนสนิทว่าถูกชายฉกรรจ์มาล้อมบ้าน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครสามารถติดต่อทั้ง 5 คนได้อีก กระทั่งมารู้ว่าถูกฆาตกรรมยู่ภายในบ้านทั้ง 5 คน" หนึ่งในชุดสืบสวนบอก
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์กันในหมู่นักสืบว่า ก่อนเกิดเหตุอารมณ์อยู่ภายในบ้านคนเดียว เมื่อโทรหาเพื่อนว่าถูกล้อมบ้าน เพื่อนอีก 4 คนตามเข้าไปจึงถูกจับแยกห้องพูดคุยตกลงกัน แต่อาจเกิดความผิดพลาดขึ้น หรือคนหนึ่งคนใดคิดต่อสู้ จึงถูกฆ่าปิดปากทั้งหมด โดยเหยื่อรายสุดท้ายที่พยายามหนีเอาชีวิตรอด คือ ชวลิต ทิพยเศวต ที่ถูกยิงกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน โดยเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นที่โจษขานกันในหมู่คนใกล้ชิด ทั้งของเหยื่อและคู่กรณี ดังนั้น คดีนี้จึงไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวล้วนๆ ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะนายทหารคู่กรณีทั้ง 4 นาย