
ธุรกิจโรงแรมเชียงใหม่ประกาศขายไม่ต่ำกว่า50แห่ง
ธุรกิจโรงแรมในเชียงใหม่ ประกาศขายไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ยอมรับกิจการประสบปัญหาจากวิกฤต แต่ยังเนื้อหอมนักลงทุนทั้งไทย - ต่างชาติแห่ช้อป เหตุมองตลาดยังมีศักยภาพ คาดหลายแห่งใช้เวลาเจรจาไม่ต่ำกว่า 1ปี แนะเจ้าของกิจการเปิดเผยข้อมูลกา
นายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ เลขาธิการ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยกับ"กรุงเทพธุรกิจ"ว่า นับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันขณะนี้มีโรงแรมที่ประกาศขายกิจการมากกว่า 50 แห่ง ตั้งแต่ระดับ 1 - 5 ดาว รวมทั้งโรงแรมสไตส์บูติก โฮเทล ทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย เช่น ล่าสุดโรงแรมศรีโตเกียว ที่ขายกิจการให้นักลงทุนจากพัทยา จ.ชลบุรี เข้ามาซื้อ และปรับปรุงกิจการเปิดเป็นโรงแรมรองรับกลุ่มเกย์
ส่วนโรงแรมอื่นๆที่ประกาศขายมีหลายแห่งที่อยู่ระหว่างเจรจาตกลงราคาซื้อขาย ส่วนใหญ่เจ้าของกิจการจะปิดข่าวเพราะเกรงมีผลกระทบเรื่องราคา หลายแห่งเจรจาซื้อขายกันมานานแต่ยังไม่ตกลง เพราะการซื้อขายกิจการประเภทโรงแรม ถือเป็นอสังหาริมทรพย์ขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาเจรจาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ปี สำหรับนักลงทุนที่เข้ามาทาบทามซื้อกิจการโรงแรมยังมองว่าจ.เชียงใหม่น่าลงทุนแต่สาเหตุที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่วิตกกังวล เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ
นายวรพงษ์ กล่าวอีกว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเคยเสนอให้เจ้าของกิจการที่ต้องการขายโรงแรมเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะในรายที่ประสบปัญหาทางการเงินและไม่ต้องการดำเนินกิจการต่อไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับภาพรวมของธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจ.เชียงใหม่ และเพื่อให้นักลงทุนที่มีศักยภาพเข้ามาซื้อกิจการบริหารต่อ
ด้านนายกนก สุวรรณวิสูตร์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือตอนบน) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ยอมรับว่ามีโรงแรมหลายแห่งที่ผู้บริหารต้องการขายกิจการแต่ไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนว่ามีที่ใดบ้างเพราะไม่เป็นที่เปิดเผย แม้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแต่นักลงทุนโดยเฉพาะชาวต่างชาติยังให้ความสนใจลงทุนซื้อกิจการโรงแรม เพราะยังเชื่อมั่นในศักยภาพของจ.เชียงใหม่ในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญว่ายังมีอนาคตสดใส โดยเฉพาะตลาดประชุมสัมมนา หรือ ไมซ์ ที่กำลังขยายตัวและเติบโต
แม้ที่ผ่านมาจะมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นจากผลกระทบด้านการเมือง จนทำให้การจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐลดลงแต่ไม่ส่งผลต่อภาพรวมมากนัก ซึ่งภาครัฐ จ.เชียงใหม่และภาคเอกชนกำลังรวมมือกันพัฒนาให้จ.เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางตลาดไมซ์ในภูมิภาค
ส่วนสถานการณ์ในช่วงไฮซีซั่น 3 เดือนสุดท้ายของปี 2552 เริ่มมียอดจองเข้ามาต่อเนื่องจากกลุ่มเอเย่นต์ทัวร์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้นประมาณ 70% แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งปกติช่วงไฮซีซั่นยอดจองโรงแรมของจ.เชียงใหม่จะอยู่ประมาณ 77% ตัวเลขการจองยังลดลง และการจองเข้ามายังล่าช้ากว่าทุกปีส่วนหนึ่งเพราะตลาดยังไม่มั่นใจ สำหรับกลุ่มตลาดยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศล เยอรมัน อเมริกา
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า สำหรับโรงแรมที่ขายกิจการ มีทั้งโรงแรมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ย่านถนนช้างคลาน ถนนห้วยแก้ว ส่วนโรงแรมบูติก โฮเทล ที่มีการประกาศขายผ่านเว็บไซต์ www.lanna-property.com ชื่อโรงแรมทีวาน่า (Tea vana) ตั้งอยู่ย่านถนนเชียงใหม่-ลำพูน ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นโรงแรมสูง 2 ชั้น จำนวน 31 ห้อง มีสระว่ายน้ำ และสปา 3 ห้อง ประกาศขาย 119 ล้านบาท
สำหรับ"โรงแรมศรีโตเกียว"ตั้งอยู่บนถนนบุญเรืองฤทธิ์ ฝั่งคูเมืองด้านนอกใกล้แจ่งหัวริน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นของตระกูลทองเจริญเกียรติ แต่ได้ขายกิจการให้กับนักธุรกิจชาวอเมริกันและผู้ร่วมทุนชาวไทย ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจบาร์เกย์จากเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งไม่มีการเปิดเผยมูลค่าซื้อขาย แต่ผู้บริหารใหม่ได้เข้ามาดำเนินกิจการตั้งแต่กลางปี 2552 และได้ปรับโฉนโรงแรมแห่งนี้โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมลาเวนเดอร์ล้านนา ซึ่งประกาศตัวชัดเจนว่าให้บริการแก่กลุ่มชาวสีม่วง หรือกลุ่มเกย์ จะเปิดตัวในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้