"สืบพยานโจทก์"ปากสุดท้ายนปช.ก่อการร้ายเสร็จแล้ว
"ทนายนปช."เผยศาลอาญานัดพร้อม 22 ส.ค.นี้ก่อนเริ่มนัดสืบพยานจำเลย"24 แกนนำ"เตรียมพยานกว่า 100 ปากสู้คดี 6 ข้อหา หลังเริ่มสืบโจทก์ปี 55 ต่อเนื่อง 6 ปี
23 มี.ค.61 ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายคดี 24 แกนนำ นปช.ก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 70 ปี อดีตประธาน นปช. , นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี ประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ หรือเต้น ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี อดีต รมช.พาณิชย์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 67 ปี , นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 60 ปี , นายอริสมันต์ หรือกี้ พงษ์เรืองรอง อายุ 54 ปี แกนนำและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1- 24
ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ โดยมีความมุ่งหมายขู่เข็ญรัฐบาลไทยให้กระทำการใดหรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 ระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท – 1 ล้านบาท , ขู่เข็ญว่าจะทำการก่อการร้าย โดยสะสมกำลังพลหรืออาวุธ หรือตระเตรียมการสมคบกันเพื่อก่อการร้าย ตาม ม.135/2 ระวางโทษ 2-10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 -200,000 บาท
ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินฯ ม.116 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ หรือเป็นหัวหน้าสั่งการฯ ม.215 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำแล้วไม่เลิก ม.216 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ,ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในท้องที่ผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 รวม 6 ข้อหา
ซึ่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาล เมื่อวันที่ 11 ส.ค.53 โดยระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. – 20 พ.ค.53 กลุ่มจำเลยที่เป็นแกนนำ นปช. ได้ปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุม และทำกิจกรรม โดยมุ่งหมายต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งจำเลยกับพวกจัดให้มีการชุมนุม และสะสมกำลังพล อาวุธสงครามร้ายแรง โดยจำเลยกับพวกฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ บุกรุกเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ และยิงระเบิดใส่สถานที่ต่าง ๆ ปิดถนนตั้งด่านสกัดตรวจค้นยานพาหนะ ก่อให้ความวุ่นวายและความไม่สงบในบ้านเมือง
ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้ทุกข้อกล่าวหา ขณะที่จำเลยได้ประกันตัวคนละ 600,000 บาท พร้อมถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามมิให้จำเลยกระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวายในบ้านเมือง หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนที่จะทำให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโดยคดีนี้ได้เริ่มสืบพยานนัดแรกเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.55 ที่มี พ.อ.ธนากร โชติพงษ์ นายทหารปฏิบัติการ กรมข่าวทหารบก เบิกความเป็นปากแรกสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มาของการชุมนุม พฤติการณ์การชุมนุมและความเสียหายที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดีปัจจุบันจำเลย 24 คน มี 3 คนที่ถูกคุมขังในเรือนจำรับโทษคดีอื่น ศาลจึงเบิกตัวมาร่วมฟังการสืบพยาน ซึ่งในกลุ่มนั้นก็มี "นายจตุพร ประธาน นปช." และ "นายขวัญชัย ไพรพนา" โดยนายจตุพรที่มีร่างกายซูบผอมลงเเต่ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือทักทายสื่อมวลชนและประชาชนที่เดินทางมารอให้กำลังใจ ส่วนจำเลยที่เหลือในกลุ่ม แกนนำ-แนวร่วม ซึ่งได้ประกันตัวรวม 21 คนก็มาศาลพร้อมเพรียง ขณะที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ปธ.ที่ปรึกษา นปช. ภรรยาของ นพ.เหวง และญาติของจำเลย ก็เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
การสืบพยานโจทก์วันนี้ "อัยการ" ก็นำ "นายวิโรจน์ ทูคำมี" เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานในคณะของพนักงานสอบสวน มาให้ฝ่ายทนายความจำเลย ได้ซักค้านเป็นนัดที่ 2 ซึ่งมีการเปิดคลิปวิดีโอการปราศรัยของนายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 ที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 23 ม.ค.53 ขึ้นมาประกอบการซักค้านด้วย
โดยเป็นคลิปที่นายณัฐวุฒิ พูดทำนองว่า ถ้าคุณยึดอำนาจให้เผาไปเลยพี่น้อง โดยทนายความจำเลยได้ซักพยานโจทก์เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่การปราศรัยที่ราชประสงค์ และเป็นการบอกเงื่อนไขว่าถ้าหากเกิดรัฐประหารขึ้น แต่หลังการปราศรัยดังกล่าวก็ไม่เกิดการรัฐประหาร และแม้เกิดการรัฐประหารในปี 2557 ก็ไม่มีการเผา ขณะเดียวกันก็มีการเปิดคลิปที่นายณัฐวุฒิ ปราศรัยยุติการชุมนุมที่ราชประสงค์ด้วย เพื่อยืนยันว่าในวันดังกล่าวนายณัฐวุฒิ บอกให้ประชาชนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งทนายความจำเลยก็ได้ซักถามพยานปากนี้จนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจึงกำหนดนัดพร้อมคดีนี้ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อจะสอบถามความพร้อมของจำเลยในการนำพยานเข้าสืบต่อสู้คดี
ทั้งนี้ "นายวิญญัติ ชาติมนตรี" ทนายความนายจตุพร เปิดเผยว่า หลังสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายเสร็จแล้ว ต่อไปจำเลยจะให้พยานเข้าสืบซึ่งเตรียมกันไว้ประมาณ 100 กว่าปาก โดยก่อนจะเริ่มสืบพยานจำเลย ศาลก็ได้นัดพร้อมคู่ความก่อนเพื่อบริหารจัดการเวลาในการสืบพยาน ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มสืบพยานโจทก์ต่อเนื่องมา แต่ที่เวลาหลายปีก็มีพยานโจทก์ช่วงหลังที่เลื่อนเวลาการสืบพยานบ้างโดยพยานที่อัยการนำสืบนั้นก็มีไม่ถึง 100 ปากจากเดิมที่เคยเสนอไว้ 300 ปาก
อย่างไรก็ดีสำหรับพยานโจทก์ปากสุดท้ายนี้ก็ไม่ใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว แต่ฝ่ายอัยการนำมาเบิกความเพื่อรับรองพยานเอกสารบางอย่างที่มีการนำส่งต่อศาล ซึ่งเราก็จะพิสูจน์ให้เห็นหลายประการว่า การสอบสวนของดีเอสไอ เเละมติของดีเอสไอ สมัยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น ผอ.ศอฉ.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ส่วนความมั่นใจในการต่อสู้คดีนั้น ตนมั่นใจมาตั้งเเรกอยู่เเล้ว เนื่องจากเป็นการตั้งข้อหาที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งพฤติการณ์ตามทางสืบพยานของโจทก์ เราเห็นถึงข้อพิรุธหลายเรื่องเเต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากคดีอยู่ในการพิจารณาของศาล อย่างไรก็ดีฝ่ายจำเลยก็ไม่ได้หนักใจอะไร
"นางธิดา ถาวรเศรษฐ" ประธานที่ปรึกษา นปช. กล่าวว่า การซักค้านพยานโจทก์ในคดีนี้มาถึงครึ่งทางแล้วแต่ที่น่าสังเกตคือ ในกลุ่ม กปปส.มีความพยายามเรียกร้องให้แยกจำเลยโดยไม่นำมารวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันแต่ของ นปช.กลับมีการนำมารวมกันหมดเป็นคดีเดียวกันซึ่งบางครั้งจำเลยไม่รู้จักกัน เช่น คนที่ทำงานอยู่กับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือ เสธ.เเดงนั้น บางคนก็ไม่รู้จักกันส่วนตัวจึงตั้งข้อสังเกตว่าในคดีของ กปปส.นั้นจำเลยรู้จักกันแต่ยังขอแยกไม่ให้นำมารวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำเลยคดีก่อการร้าย 24 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ อายุ 70 ปี, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี , นายเหวง โตจิราการ อายุ 67 ปี , นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 53 ปี , นายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา อายุ 66 ปี , นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อายุ 60 ปี ,
นายนิสิต สินธุไพร อายุ 62 ปี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย , นายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล อายุ 51 ปีอดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 67 ปี ,นายภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อายุ 58 ปี อดีตลูกน้องคนสนิทเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) , นายสุขเสก หรือสุข พลตื้อ อายุ 42 ปี ,
นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล อายุ 47 ปี การ์ด นปช. , นายอำนาจ อินทโชติ อายุ 62 ปี อดีตทหารพราน ฉายามือปืน 9 นิ้ว , นายชยุต ใหลเจริญ อดีตหัวหน้าการ์ด นปช. , นายสมบัติ หรือแดง หรือผู้กองแดง มากทอง อายุ 56 ปี , นายสุรชัยหรือหรั่ง เทวรัตน์ อายุ 33 ปี คนสนิท เสธ.แดง ,
นายรชต หรือกบ วงค์ยอด อายุ 37 ปี อดีตลูกน้อง เสธ.แดง , นายยงยุทธ หรือบัง ท้วมมี อายุ 60 ปี ผู้ติดตาม เสธ.แดง จำเลยที่ 1-19 คดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553 , นายอร่าม แสงอรุณ อายุ 57 ปี หัวหน้าการ์ด นปช. อดีตลูกน้องคนสนิท เสธ.แดง จำเลยคดี อ.4339/2553 ,
นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ อายุ 37 ปี อดีตคนสนิท เสธ.แดง , นายสมพงษ์ หรืออ้อ หรือแขก หรือป้อม บางชม และนายมานพ หรือเป็ด ชาญช่างทอง อายุ 57 ปี กลุ่มการ์ด นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.757/2554และ นายอริสมันต์ หรือกี้ พงศ์เรืองรอง อายุ 54 ปี จำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.4958/2554