ข่าว

เผย'อีอีซี'ต้องการแรงงานกว่า2.3หมื่นอัตรา

เผย'อีอีซี'ต้องการแรงงานกว่า2.3หมื่นอัตรา

04 เม.ย. 2561

เผย'อีอีซี'ต้องการแรงงานกว่า2.3หมื่นอัตรา อุตฯยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์)

 

นายเจน นำชัยศิริ ประธาน ส.อ.ท.ในฐานะประธาน กกร.ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งจากภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตแข็งแกร่ง และการท่องเที่ยวก็ยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวมาก และการนำเข้าที่ขยายตัวในทุกหมวดทั้งสินค้าทุนและสินค้าเพื่อการบริโภค สะท้อนถึงการผลิตและการใช้จ่ายในที่ดีขึ้น 

กกร.จึงปรับเพิ่มประมาณเศรษฐกิจใหม่ โดยปรับจีดีพี ปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.8-4.5% เพิ่มเป็น 4.0-4.5% การส่งออกจากเดิมคาดว่าขยายตัว 3.5-6.0% เพิ่มเป็น 5.0-8.0% และเงินเฟ้อทั่วไป จากเดิมขยายตัว 1.1-1.6% ลดลงเหลือ 0.7-1.2%

“ประมาณการเศรษฐกิจใหม่นี้ คำนวณบนพื้นฐานที่ค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 31-32 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะปรับสูงขึ้น เพราะในปีนี้สหรัฐน่าจะปรับดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง และปีหน้าอีก 3 ครั้ง น่าจะผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้นในช่วงต่อไป”

อย่างไรก็ตาม การที่อัตราเงินเฟ้อลดลงสวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากสินค้าคอมมูนิตี้ต่างๆยังไม่ได้มีราคาที่เพิ่มขึ้น เช่น น้ำมัน และราคาสินค้าเกษตรเป็นต้น โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่ดีนัก ทำให้สินค้าในกลุ่มอาหารเพิ่มขึ้นต่ำ กดดันให้อัตราเงินเฟ้อต่ำ

ห่วงผลกระทบสงครามการค้า

ทั้งนี้ในระยะข้างหน้ายังคงมีประเด็นท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับนานาประเทศ รวมทั้งการเปิดเผยรายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าของสหรัฐ โดยกระทรวงการคลังสหรัฐ ในเดือนเม.ย.นี้ ตลอดจนการปรับตัวของราคาสินค้าเกษตรบางรายการ และความคืบหน้าของการลงทุนภาครัฐ ซึ่ง กกร. จะติดตามสถานการณ์เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด

นายเจน กล่าวว่า ในส่วนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้น ล่าสุดจีนได้ขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐ 128 รายการนั้น มองว่าเป็นการบีบให้สหรัฐมานั่งโต๊ะเจรจา เพื่อหาข้อยุติสงครามการค้าที่เกิดขึ้น หากเจรจาไม่สำเร็จก็อาจจะเกิดสงครามการค้าที่รุนแรงตามมา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นความกังวลจะเป็นเรื่องผลกระทบทางอ้อม ซึ่งหากจีนส่งเหล็กและสินค้าต่างๆไปยังตลาดสหรัฐไม่ได้ อาจจะหันไปเร่งการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆรวมทั้งไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องเตรียมมาตรการรองรับ และการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ไม่ให้เกิดการดัมพ์สินค้ามายังประเทศไทย รวมทั้งสินค้าจีนอาจจะเข้ามาเป็นคู่แข่งกับสินค้าไทยในตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสินค้าที่มีราคาถูก

ต้องการแรงงานอีอีซี2.3หมื่นคน

นอกจากนี้ กกร.เชิญนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน หารือถึงความต้องการแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยได้สำรวจความต้องการของสถานประกอบการในอีอีซีแล้ว 60% พบว่ามีความต้องการแรงงาน 21,323 อัตรา ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร ซึ่ง กกร. จะร่วมกับกระทรวงแรงงานอย่างใกล้ชิดในการประเมินความต้องการแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆที่ชัดเจน เพื่อที่จะเร่งการผลิตบุคลากรในด้านต่างๆรองรับการขยายตัวของ อีอีซี ต่อไป

นายจรินทร์ กล่าวว่า แรงงานที่ต้องการแบ่งเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาต่ำกว่า ม.6 จำนวน 9,506 คน รองลงระดับปริญญาตรี 3,817 คน ม.6 จำนวน 3,616 คน ปวส. 2,587 คน ปวช. 1,585 คน และ ปริญญาโทขึ้นไป 212 คน โดยสถานประกอบการต้องการแรงงานฝ่ายผลิตมากที่สุด รองลงมาเป็นฝ่ายบริการ ขายและการตลาด คลังสินค้าและขนส่ง

นักวิชาการห่วงกำลังซื้อไม่ฟื้น

นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากการประเมินของ กกร. ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว1.1-1.6% ลดเหลือ 0.7-1.2% สาเหตุหลักมาจากราคาต้นทุนการผลิตไม่เพิ่ม และกำลังซื้อของประเทศยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งผู้ผลิตยังไม่ได้ใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยซบเซาหลายปี แต่การที่เศรษฐกิจในช่วงกลางปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นระดับเดิมก่อนที่เศรษฐกิจจะทรุดตัว ทำให้ยังมีกำลังการผลิตเหลือ

“จากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ มองว่าเศรษฐกิจไทยจะต้องเป็นฟื้นตัวเป็นบวกติดต่อกัน 6 ไตรมาส จึงจะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าหากเศรษฐกิจโตในระดับนี้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงกลางปีหน้า จึงจะทำให้กำลังซื้อของประเทศฟื้นตัว”