ข่าว

"ป.ป.ช.-คกก.ตรวจตราจีน"ต่ออายุความร่วมมือ"ต้านทุจริต"

"ป.ป.ช.-คกก.ตรวจตราจีน"ต่ออายุความร่วมมือ"ต้านทุจริต"

19 เม.ย. 2561

"ป.ป.ช.-คกก.ตรวจตราจีน" ต่ออายุความร่วมมือ "ต้านทุจริต" เพื่อประโยชน์การแบ่งปันข้อมูลในการไต่สวนคดี การตามทรัพย์สินคืน

 

           19 เม.ย.61-สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป.ป.ช. นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการป.ป.ช. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.และผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. ต้อนรับ H.E. LING Ji (หลิง จี) กรรมการ คณะกรรมการตรวจตราแห่งชาติ (National Commission of Supervision: NCS) สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะในโอกาสเดินทางมาเยือนสำนักงาน ป.ป.ช. ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือข้อราชการและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองหน่วยงาน 

 

         \"ป.ป.ช.-คกก.ตรวจตราจีน\"ต่ออายุความร่วมมือ\"ต้านทุจริต\"

          หน่วยงานคณะกรรมการตรวจตราแห่งชาติ (National Commission of Supervision: NCS) เพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2561 ตามนโยบายปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง โดยปรับโครงสร้างจากกระทรวงการตรวจตรา (Ministry of Supervision: MoS) และยกขึ้นเป็นคณะกรรมการตรวจตราแห่งชาติ มีฐานะเทียบเท่ากับศาลฎีกาและสำนักงานอัยการสูงสุด มีหน้าที่หลักในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในการหารือข้อราชการร่วมกันในครั้งนี้


 

          โดยการหารือครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งทางจีนให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะประเทศหลักในภูมิภาคอาเซียนที่จะมีความร่วมมือกันในด้านการต่อต้านการทุจริต การประสานงานคดีระหว่างประเทศ นอกเหนือจากนั้น นโยบายเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 ของจีน (One Belt and One Road) ยังส่งเสริมให้นักธุรกิจและนักลงทุนชาวจีนสามารถลงทุนในกลุ่มประเทศตามเส้นทางสายไหมได้ง่ายขึ้นซึ่งรวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย

         \"ป.ป.ช.-คกก.ตรวจตราจีน\"ต่ออายุความร่วมมือ\"ต้านทุจริต\"

           อย่างไรก็ตาม ในการหารือครั้งนี้ได้มีความเห็นชอบร่วมกัน ที่จะต่ออายุความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจระหว่างกันเพื่อร่วมในการต่อต้านการทุจริต ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อการไต่สวนคดีทุจริต การแบ่งปันข้อมูลทางการข่าว การติดตามทรัพย์สินคืน การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พร้อมกับคาดหวังว่าจะพัฒนาความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตระหว่างไทย – จีน ให้ได้รับความสำคัญในลำดับต้นๆ ไปพร้อมกับเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน