"บิ๊กตู่"ไฟเขียวใช้ม.44ระงับสรรหากสทช.
"บิ๊กตู่" ใช้ ม.44 อุ้มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลให้พักชำระหนี้ พร้อมระงับการสรรหาคณะกรรมการ กสทช. เมินมาร์คแฉปมดูดส.ส.ปูทางนายกฯ คนนอก บอกไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น
เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุม คสช. โดยมีคณะกรรมการ คสช.เข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุมได้หารือเรื่องมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2559 เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการที่สุจริตแต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสังคม จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไปแล้วนั้น
ม.44 อุ้มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. จึงมีคำสั่งดังนี้ ผู้รับใบอนุญาตตามคำสั่ง 76/2559 หรือประกาศรายใดไม่สามารถชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่เหลือ ให้ผู้รับใบอนุญาตรายนั้นแจ้งเป็นหนังสือไปยัง สำนักงาน กสทช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อขอพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามคำสั่งที่ 76/2559 หรือประกาศ
นอกจากนี้ ให้สำนักงาน กสทช.พิจารณาการพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตที่แจ้งตามวรรคหนึ่งและกำหนดระยะเวลาการพักชำระค่าธรรมเนียม ซึ่งต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน กสทช. ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตยังคงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขอื่นตามคำสั่งที่ 76/2559 หรือประกาศ
ยันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ในระหว่างเวลาพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามวรรคสอง ให้ผู้รับใบอนุญาตชำระดอกเบี้ยในวันที่ครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในแต่ละงวดให้แก่ สำนักงาน กสทช. โดยให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกำหนดให้ กสทช. และสำนักงาน กสทช. หรือคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ แล้วแต่กรณี จัดให้มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลให้กับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลเป็นจำนวนเงินในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ดังกล่าวเป็นระยะเวลายี่สิบสี่เดือนนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้มีการโอนกิจการได้ โดยไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของ
ทั้งนี้ การดำเนินการโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นักธุรกิจแต่อย่างใด แต่เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการและให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและไม่ได้ทำให้ภาครัฐเกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 22 บริษัทได้ชำระค่าธรรมเนียมมาแล้วประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังเหลืออีกประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ทางรัฐบาลก็ไม่ได้ยกเลิกมูลหนี้ เพียงแต่วางมาตรการพักชำระหนี้ขยายเวลาออกไปเท่านั้น สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการหามาตรการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนผู้ใช้บริการต่อไป
ระงับการสรรหา “กสทช.”ด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติไว้ก่อน จนกว่าหัวหน้าคสช.จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ขอให้ระงับไว้ก่อนจนกว่าการแก้ไขกฎหมายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นคณะกรรมการ กสทช. กับหลักเกณฑ์การโหวตให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งรัฐบาลจะเร่งนำเข้าสภาให้ สนช.พิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลที่มีคุณสมบัติและมีความสามารถที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการกำกับดูแลประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน
พักชำระหนี้ 3 งวด - ขายต่อได้
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคสช.ว่า ที่ประชุม ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน พิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ซึ่งผู้ประกอบการรู้สึกว่าประสบปัญหาในการประกอบธุรกิจ จึงมีข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาหลงไปประมูลจึงทำให้การทำธุรกิจประสบปัญหา เพราะมีปัญหา 3 เรื่อง 1.การแข่งขันสูงมาก ราคาสูงผิดปกติ 2.ปัจจุบันพฤติกรรมของคนหันไปบริโภคในช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้คนดูทีวีน้อยลง การหาโฆษณามาสนับสนุนจึงทำได้ยาก และ 3.ก่อนการประมูลคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดรายละเอียดการปฏิบัติหลายประการ ซึ่งหลายเรื่องกสทช.สัญญาไว้แต่ยังทำไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นจึงขอให้ช่วยเหลือ คือจะไม่ชำระค่างวดอีก 5 งวดที่เหลือ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมคสช.มีมติสรุปแนวทางในการช่วยเหลือ 1.อนุญาตให้พักชำระหนี้ได้ 3 งวด จาก 5 งวดที่เหลือในปี 61, 62, 63, 64, 65 เพื่อมีกำลังเก็บเงินไว้ทำธุรกิจให้เกิดสภาพคล่อง แต่การพักชำระหนี้ 3 งวดจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 1.5 เปอร์เซ็นต์ 2.กสทช.จะช่วยจ่ายค่าโครงข่ายให้ครึ่งหนึ่งหรือ 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งปัจจุบันมีโครงข่ายดิจิทัลที่ให้บริการอยู่ 4 เจ้า คือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 3.อนุญาตให้โอนใบอนุญาตได้ หากมีผู้สนใจอยากขอซื้อต่อก็สามารถโอนกิจการได้ ทั้งนี้ จะออกมาตรา 44 ในเรื่องดังกล่าวในอีก 1-2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม ใบอนุญาตมีอายุ 15 ปี มีการจ่ายเงินค่าใบอนุญาตแล้ว 6 งวด คือตั้งแต่ปี 57-62 โดยมีผู้ประกอบการยังไม่จ่ายค่าใบอนุญาตในงวดที่ 4-6 คือในปี 60-62 โดยทุกช่องจ่ายค่างวดไปแล้วในปี 60 จำนวน 33,000 กว่าล้านบาท และรัฐได้รับเงินมาแล้ว แต่ยังคงค้างอยู่อีก 17,000 กว่าล้านบาท
“จากการหารือทั้ง 3 ครั้งทุกฝ่ายเห็นชอบแนวทางดังกล่าว เพราะเป็นแนวทางที่เหมาะสมและตอบโจทย์ทั้งการแก้ปัญหาทีวีดิจิทัล และตอบโจทย์รัฐบาลไม่ได้เสียหายอะไร ช่วยเหลือตามความจำเป็น ตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องโทรคมนาคมในที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ไม่มั่นใจกระบวนการคัดเลือก
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ี พล.อ.ประยุทธ์ มีมติเห็นชอบให้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ระงับการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ชุดใหม่ ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่เห็นชอบคณะกรรมการ กสทช.ชุดใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเห็นว่ายังมีปัญหาอยู่ เพราะมีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติเข้ามาจำนวนมาก และไม่แน่ใจว่าสรรหาใหม่แล้วปัญหาเหล่านี้จะกลับมาอีกหรือไม่ ทั้งยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถสรรหาผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช.ได้ใน 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แก้ไขปัญหา
1.ยกเลิกกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ กสทช.ที่ดำเนินการไปก่อนวันประกาศคำสั่ง และระงับกระบวนการสรรหาที่จะมีขึ้นหลังจากนี้ จนกว่าหัวหน้า คสช.จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น 2.ให้กรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบัน ยังคงดำรงตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ตามความจำเป็นไปพลางก่อน หากกรรมการคนใดต้องพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ให้กรรมการที่เหลือปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าหัวหน้า คสช.จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น นอกจากนี้ คสช.ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการสรรหากรรมการ กสทช. เมื่อพิจารณาจนได้ทางออกแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งหัวหน้า คสช.เพื่อดำเนินการต่อไป
เมิน‘มาร์ค’ชี้ไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ระบุว่า คสช.เดินสายใช้พลังดูดอดีตนักการเมืองโดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตัวล่อว่า “ไม่ได้ยิน เพราะไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น วิพากษ์วิจารณ์ไปดิ ไม่สนใจอยู่แล้ว ทำงานอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกัน” บอกไปแล้วว่า ไม่ใช่เครื่องดูดอากาศหรือเครื่องดูดฝุ่น และจะเอาอำนาจอะไรไปบังคับใคร รวมถึงการที่นักธุรกิจจะสนับสนุนพรรคการเมืองจะทำได้หรือไม่นั้นต้องดูกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ ตนไม่ต้องไปห้าม หากกฎหมายบอกว่าทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้ ซึ่งได้มีการตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อยู่
โต้เล็งดึง“ตระกูลชิดชอบ”รายต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่วิจารณ์กันว่า ตระกูลชิดชอบ จะเป็นคิวต่อไปที่ถูก คสช.ดูดนั้น ไม่อยากใช้คำนี้ตามนักการเมืองหรือพรรคการเมือง เพราะการกล่าวว่าใครดูดใคร ต้องดูว่าผลงานของพรรคการเมืองที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ได้นำความต้องการของประชาชนไปสู่การขับเคลื่อนหรือไม่ เข้าใจว่านักการเมืองทุกคนอยากเข้ามาทำเพื่อบ้านเมือง แต่ติดที่นโยบายพรรคหรือนโยบายหัวหน้าพรรค แต่รัฐบาลคสช.ไม่มีใครมีบทบาทเหนือเราในเรื่องนี้ จึงสามารถทำงานต่างๆ อย่างอิสระ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นการลงพื้นที่ตามปกติ ไม่พบใครเป็นการส่วนตัวและไม่พบใครในที่รโหฐาน แต่พบในพื้นที่กว้างๆ พบร่วมกันกับประชาชนทั่วไป ส่วนใครจะมาต้อนรับก็เป็นเรื่องเจ้าบ้านที่ดี แต่ไม่ได้ไปตกลงการเมืองกับใครทั้งสิ้น ไม่สามารถตกลงกับใครได้เพราะยังไปไม่ถึงตรงนั้น เป็นเรื่องกระบวนการทางการเมือง อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่ามีความอึดอัดใจหรือไม่ ที่หลายฝ่ายเสนอให้เป็นนายกฯ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ ยังไม่ตอบรับใคร เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไรต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ โดยเอาทุกคนมาร่วมกันบริหารประเทศให้ได้ด้วยกลไกประชาธิปไตย แต่จะไปตรงนั้นได้อย่างไรก็ยังไม่รู้ เชื่อว่านักการเมืองหลายคนอยากทำความดีแต่ทำไม่ได้ เพราะถูกจำกัดด้วยนโยบายพรรคหรืออะไรต่างๆ ซึ่งไม่ได้รังเกียจนักการเมือง ใครแสดงบทบาทว่าจะร่วมพัฒนาประเทศไม่ทำการเมืองแบบเดิมๆ ก็ยินดีกับทุกคน
ขู่ฟ้องวัชระปูม4หมื่นล้าน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง ระบุว่า คสช.เตรียมสืบทอดอำนาจโดยใช้เงินตั้งพรรคทหารถึง 4 หมื่นล้านบาท ว่า นายวัชระเคยออกมาพูดหลายครั้งแล้วว่ามีการทุจริตในเรื่องต่างๆ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไปแล้วก็ไปหาเรื่องอื่นมาใหม่ จึงขอให้หาข้อมูลมาว่าเงิน 4 หมื่นล้านมาจากไหน ทั้งนี้ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าการพูดเช่นนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ รวมไปถึงสื่อและสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่นำมาเผยแพร่ เพราะมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อยู่ จึงขอให้ระมัดระวังด้วย ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน รัฐบาลไม่ได้ขู่เพราะมีกฎหมายอยู่แล้วจึงอยากเตือน อย่างไรก็ตามเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ จะเอามาได้อย่างไรและใครจะให้ หากจะนำเงินขนาดนั้นมาตั้งพรรคการเมือง เอาไปดูแลประชาชนไม่ดีกว่าหรืออย่างไร และยืนยัน 100% ว่าในส่วนตัวไม่มีการทุจริตใดๆทั้งสิ้น แต่หากมีในระบบก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการ
แจงเหตุตั้งสนธยาที่ปรึกษา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำถึงการแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษาว่า อยากให้เข้ามาดูแลในพื้นที่ภาคตะวันออกเพียงเท่านั้น เพราะนายสนธยาทำงานในพื้นที่นี้อยู่แล้วและได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนพอสมควร ไม่ได้มุ่งหวังทางการเมืองทั้งสิ้น เพราะยังไม่ได้เดินการเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านการเมืองเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าผู้สื่อข่าวได้แซว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าใบหน้าเรียวขึ้น นายกรัฐมนตรีตอบกลับว่า “เพิ่งไปตัดผมมา” เมื่อสื่อตอบกลับว่า “หมายถึงพลังดูด” พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “อ๋อ พลังดูดนักการเมือง ผมเป็นหัวหน้าพรรคอะไรหรือ”
สื่อถามย้ำว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะเป็นทำไม ไม่รู้” สื่อถามอีกว่า ไม่รู้ แสดงว่าอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์จึงตอบกลับ “ไม่แสดงว่า ไม่รู้”
ซัดนักการเมืองฉวยโอกาส
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็คิดมาตลอด เพราะมีหลายปัญหา ก็กำลังดำเนินการอยู่ คงต้องตั้งคณะกรรมการร่วม ประกอบด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไข ต้องรวบรวมข้อเสนอและความคิดเห็น ฟังข้อโต้แย้งจากผู้เรียกร้องต่างๆ ด้วย มันมีหลายประเด็น ซึ่งมีการพูดคุยมาบ้างแล้ว ดังนั้นอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ กฎหมายมีตรงไหนที่มีความสำคัญบ้าง
“ตอนนี้อย่าเอาอะไรมาตีกันทั้งหมด เพราะจะแก้ไม่ได้สักอัน มันก็ติดไปหมด ต้องปลูกป่าขึ้นมาให้ได้ก่อน ในส่วนของที่ทำงานต้องใช้ประโยชน์ตรงไหนก็ว่าไป ที่ไม่มีผลกระทบตรงนี้ก็ว่ากันไป ไม่ใช่ว่าอะไรก็พังกันไปทั้งหมดก็ลำบาก งบประมาณแผ่นดินมันใช้มาแล้ว แต่หลายคนก็บอกว่าก็ไม่อยากให้บรรดาพรรคการเมือง หรือนักการเมืองเอาอันนี้มาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาแนวร่วม เห็นด้วยไม่เห็นด้วย แต่ถ้าตัวเองเป็นรัฐบาลจะทำหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมีกฎหมายอยู่ตรงนี้ ยืนยันทุกฝ่ายพยายามจะแก้ปัญหาให้ได้ และทางศาลเองด้วย ส่วนคนที่ไม่อยู่ในระบบแล้วพูดอะไรออกมา ก็อย่าถือเป็นประเด็นมากนักเลย เพราะเขาก็มีสิทธิ์จะพูดไม่ใช่หรือ แต่ประเด็นการตัดสินใจ การดำเนินการ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล รัฐบาลยืนยันว่าเราจะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายร้อยปัญหาที่จะต้องเข้าไปแก้ไข” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
“สนธิรัตน์”ระบุตั้งพรรคยังไม่คืบ
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลดูดนักการเมืองเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมืองว่า ข้อเท็จจริงก็คือการแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านการเมืองนั้น เพื่อต้องการให้นายสนธยามาช่วยงานในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ที่รัฐบาลมีปัญหาในการสื่อสารเรื่องนี้ไปสู่การรับรู้ของประชาชน เพราะบางครั้งประชาชนเห็นว่าอีอีซีเป็นเรื่องไกลตัว เราจึงต้องการให้ผู้ที่รู้จักพื้นที่และรู้จักประชาชนได้มีโอกาสเข้ามาสื่อสารกับประชาชน ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะเป็นการดูดนักการเมืองอย่างไร แต่ก็เคารพเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และอยากให้ดูว่ารัฐบาลได้ทำอย่างนั้นจริงหรือไม่
เมื่อถามว่า มองว่าไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนทางการเมืองใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เขามาช่วยทำงานแล้วเขาได้ประโยชน์อะไร ถ้าเขามาช่วยทำงานแล้วไปทำอย่างอื่นประชาชนต้องช่วยกันติดตาม แต่ยืนยันว่านายสนธยาเข้ามาช่วยเราทำงาน ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมตั้งพรรคการเมืองที่ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ไว้นั้น ก็ยังหารือกันอยู่ ซึ่งมีกระบวนการหลายๆ อย่าง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าสเปกคนในพรรคจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องผ่านการตกลงกันก่อน ขณะที่บุคคลที่จะร่วมในพรรคการเมืองนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้สรุป
“อุตตม”ปัดข่าวล็อบบี้เอกชน
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีที่ยังมีข่าวว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ที่นายสมคิดพยายามจัดตั้งขึ้น ว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ยังไม่ถึงขั้นจัดตั้งคณะกรรมการบริหารพรรรค ไม่มีการพูดคุยอะไรเพิ่มเติมจากที่เคยเล่าไว้ ถ้ามีแล้วจะบอก
เมื่อถามว่ามีกลุ่มอื่นใดที่มีแนวเดียวกัน มาชักชวนให้ไปร่วมสังกัดพรรคด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาชวนอะไรทั้งนั้น ถ้ามีแล้วจะบอก ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์อ้างว่ามีคนในรัฐบาลประสานให้ภาคธุรกิจเลือกสนับสนุนบางพรรคการเมืองนั้น ยืนยันว่า ไม่มี
“บิ๊กตู่”เต้นท่าโอนิกิริ-บีเอ็นเค48
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นำวงไอดอลกรุ๊ปชื่อดังบีเอ็นเค48 พร้อมด้วยน้องไธชิ เน็ตไอดอลรุ่นจิ๋ว เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุเพื่อครอบครัว “Happy Family Radio FM105 MHz : วิทยุเพื่อครอบครัว” ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นวิทยุครอบครัวตามแนวทางที่นายกฯ มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์มีสถานีวิทยุสำหรับครอบครัว ให้เหมาะกับทุกช่วงวัย โดยจะเน้นให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ บีเอ็นเค48 เปิดเผยว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสเข้าพบกับนายกฯ ในวันนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวกับกลุ่มศิลปินบีเอ็นเคว่า ได้ติดตามงานของทุกคน ทุกคนน่ารัก และช่วยสร้างแรงจูงใจให้หลายคน นอกจากนี้ นายกฯ ได้พูดคุยและถามถึงความเป็นมาและแรงบันดาลใจในการรวมกลุ่มของบีเอ็นเค พร้อมให้แนะนำตัว และเต้นเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย โดยนายกฯ ร่วมทำท่า “โอนิกิริ” ประกอบเพลงด้วย และทดลองให้ศิลปินบีเอ็นเคจับมือโดยไม่ได้ซื้อบัตร โดยใช้เวลาเพียง 8 วินาที ซึ่งเป็นกติกาเดียวกับที่แฟนคลับบีเอ็นเคต้องซื้อบัตรจับมือศิลปิน และได้ถ่ายภาพร่วมกัน
ย้ายสลับ “พ่อเมือง” 12 จังหวัด
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.มีมติเห็นชอบโยกย้ายบัญชีรายชื่อข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้ 1.ให้นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้เป็นผวจ.เชียงใหม่ 2.ให้นายปวิณ ชำนิประศาสน์ พ้นจาก ผวจ.เชียงใหม่ และแต่งตั้งให้เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 3.นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร พ้นจาก ผวจ. เชียงราย และแต่งตั้งให้เป็น ผวจ.พะเยา 4.ให้นายประจญ ปรัชญ์สกุล พ้นจากผวจ.พะเยา และแต่งตั้งให้เป็น ผวจ.เชียงราย 5.ให้นายณรงค์ พลละเอียด พ้นจาก ผวจ.ชุมพร และแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
6.ให้นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ พ้นจาก ผวจ.บึงกาฬ และแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย 7.ให้นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งเป็น ผวจ.ชุมพร 8.ให้นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร พ้นจากผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งให้เป็นผวจ.บึงกาฬ 9.ให้นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ พ้นจากตำแหน่ง ผวจ.ปราจีนบุรี และแต่งตั้งให้เป็น ผวจ.อำนาจเจริญ 10.ให้นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล พ้นจากผวจ.เพชรบูรณ์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ปราจีนบุรี 11.ให้นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ พ้นจาก ผวจ.แม่ฮ่องสอน และแต่งตั้งให้เป็น ผวจ.เพชรบูรณ์ 12.ให้นายสิริรัฐ ชุมอุปการ พ้นจาก ผวจ.อำนาจเจริญ และแต่งตั้งให้เป็นผวจ.แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
‘มท.1’แจงย้ายปรับให้เหมาะสม
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการสลับตำแหน่งระหว่างรองปลัดกระทรวงมหาดไทยกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขอพูดเรื่องนี้ในภาพรวมว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยคิดว่าปรับเพื่อให้ลงฝาลงตัว และเหมาะสมเท่านั้นเอง
เมื่อถามย้ำว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ถูกย้ายเพราะปัญหาเรื่องบ้านพักตุลาการในพื้นที่ป่าเชิงดอยสุเทพ และการไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ไม่หรอก ทั้งหมดส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความรู้ความสามารถในการทำงาน เพียงแต่ปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่เท่านั้น ไม่ได้มีประเด็นอื่นเป็นข้อพิจารณา”
ส่วนที่ถามว่า ไม่ได้เป็นเพราะยอดอุบัติเหตุที่มียอดสูงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้รับข้อมูลมาเหมือนกัน และได้ดำเนินการสอบถามจากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ทุกคนได้พยายามลดอุบัติเหตุลงอยู่แล้ว แต่จากข้อมูลที่มีตัวเลขมากก็อาจจะยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ ซึ่งเราก็รับฟัง
ท้องถิ่นเอี่ยวโกงอดลงเลือกตั้ง
พล.อ.อนุพงษ์ยังให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงมหาดไทยจะเสนอความเห็นให้ปรับแก้คุณสมบัติผู้ลงสมัครเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเคยเกี่ยวข้องกับการทุจริตเพื่อไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งถัดไปว่า เรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาตามที่มีการเสนอมา ก็ขอให้ดูผลการพิจารณาก่อน
นัดถกคลิปเสียงล้มกระดานกสทช.
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปเสียงสนทนาที่อ้างคำพูดนายกฯ ว่าไม่พอใจรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกสทช. 14 คน เปิดเผยว่า คณะกรรมการจะประชุมนัดแรกในวันที่ 26 เมษายน เวลา 10.00 น. เพื่อวางกรอบแนวทางการทำงานว่าจะต้องใช้พยานหลักฐานอะไรบ้าง โดยเบื้องต้นจะต้องถอดเนื้อหาบทสนทนาในคลิปเสียงก่อนว่าเป็นอย่างไร เพื่อดูว่าเป็นคลิปเสียงจริงหรือไม่ ซึ่งจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยพิสูจน์ได้ว่าเป็นคลิปเสียงจริงหรือคลิปตัดต่อ หากพบว่าเป็นเสียงใครก็จะเชิญบุคคลผู้นั้นมาให้ข้อมูลว่ามีการพูดจริงหรือไม่ พูดในการประชุมอะไร หรือหากเป็นคลิปตัดต่อก็ต้องดูว่ามีต้นตอมาจากที่ใด
ส่วนจะมีอำนาจเอาผิดผู้ที่นำไปเผยแพร่ได้หรือไม่นั้น ไม่ได้รู้สึกว่าน่าหนักใจ มั่นใจว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่จะได้ข้อสรุปทันภายใน 30 วันตามกรอบเวลาหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่แน่ใจ ซึ่งคณะกรรมการจะเร่งทำให้เร็วที่สุด
แจงไม่ใช่สถานที่ประชุมวิปสนช.
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(วิปสนช.) แถลงถึงคลิปเสียงสนทนาที่อ้างคำพูดนายกฯ ว่าไม่พอใจรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกสทช. 14 คน เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นนั้น คลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะที่วิปสนช.ประชุมในวันที่ 18 เมษายน ดังนั้นจึงไม่ใช่คลิปในที่ประชุมวิปสนช.อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เรารู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถเดินหน้าประชุมเรื่องดังกล่าวได้ เพราะผู้สมัครใน 7 ด้านนั้นมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและจริยธรรม จึงทำให้ทุกด้านเหลือผู้สมัครเพียง 1 คน ในขณะที่กฎหมายกำหนดให้สนช.เลือก 1 คนจาก 2 คนของทุกด้าน ดังนั้น เมื่อมีคนที่ตกคุณสมบัติก็เท่ากับเป็นการบังคับให้สนช.เลือกจากที่เหลือเพียง 1 คน ซึ่งเราเลือกไม่ได้ เพราะจะเป็นการทำผิดกฎหมายเสียเอง จึงไม่มีความจำเป็นตามที่ระบุในคลิปว่านายกฯ เป็นผู้สั่งการ
นพ.เจตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ขาดคุณสมบัตินั้นมี 6 คนจาก 6 ด้าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม หรือลาออกยังไม่ถึง 1 ปี อีกทั้งบริษัทต่างๆ เหล่านี้มีการจดบริคณห์สนธิเอาไว้เรื่องการทำธุรกิจเกี่ยวกับวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นการจดเผื่อไว้ แต่ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยไว้ว่า ถ้ามีการจดไว้ถือว่ามีคุณสมบัติ ดังนั้นจึงเท่ากับขัดคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการกสทช. ขณะที่ผู้สมัครอีก 2 คนนั้นมีปัญหาเรื่องจริยธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครทุกคนที่ไม่ผ่านการสรรหาในครั้งนี้ยังคงมีสิทธิ์สมัครใหม่ได้
ยันก.ม.ตำรวจเสร็จก่อนเลือกตั้ง
ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาว่า ขณะนี้กำลังพยายามกระจายงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจโดยตรงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ เช่น งานทะเบียนที่ไม่เกี่ยวกับการปราบปราม งานจราจรที่จะส่งมอบให้ท้องถิ่น โดยพิจารณาว่าท้องถิ่นใดพอมีกำลัง เป็นต้น อีกทั้งกำลังพิจารณาว่าถ้าแยกภารกิจอื่นๆ จะเสียหายและไม่เสียหายอะไรบ้าง
ส่วนงานสืบสวนสอบสวนนั้นเป็นหน้าที่คู่กับการป้องกันและปราบปราม แต่จะต้องแยกให้มากขึ้น โดยจัดทำเป็นคุณลักษณะให้มีความเป็นอิสระใกล้เคียงกับอัยการและผู้พิพากษา ส่วนปัญหาเรื่องผลประโยชน์ในการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น จะต้องแก้ไขโดยมีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน และอาจต้องเปลี่ยนคนตั้ง ซึ่งขอคิดวิธีให้เรียบร้อยแล้วจะนำบอกกล่าวต่อไป
เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจจะจบที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่จบ เพราะเราทำเป็นร่างกฎหมาย ดังนั้น จึงไปจบที่อื่น ไม่จบที่คณะกรรมการ และต้องติดตามว่าจะจบอย่างไร คาดว่าจะใช้เวลาไม่กี่เดือน เชื่อว่า น่าจะเสร็จก่อนโรดแม็พเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ตอนนี้นายกรัฐมนตรีก็เร่งเช้าเร่งเย็นอยู่แล้ว แต่จะจบอย่างไรต้องรอดู เราแค่ทำกฎหมายส่งให้ สนช.พิจารณาเท่านั้น
‘บิ๊กป้อม’บินถกรมว.กลาโหมสหรัฐฯ
วันเดียวกัน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้แทนเหล่าทัพ เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือกับ พล.อ.เจมส์ แมตทิส รมต.กลาโหมสหรัฐ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ทั้งนี้ รมต.กลาโหมสหรัฐ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปี และยินดีที่ได้ต้อนรับพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ ในภูมิภาคเอเชีย
ในตอนท้าย พล.อ.ประวิตรได้กล่าวแสดงความขอบคุณ รมต.กลาโหมสหรัฐที่พร้อมให้การสนับสนุนความพยายามของรัฐบาล ในการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพื่อเสถียรภาพที่มั่นคงและยั่งยืนของประเทศไทย
(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)