รมว.คมนาคมเบรก"เจ๊เกียว"ขอขึ้นค่าโดยสารรถ | คมชัดลึก

     เมื่อวันที่ 21 พฤภาคม นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่ง ได้ขอเข้าพบ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เพื่อขอปรับขึ้นค่าโดยสารหลังจากราคาน้ำมันดีเซลขยับสูงขึ้นมาเกือบ 30 บาทต่อลิตร โดยเจ๊เกียวให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ราคาน้ำมันดีเซลได้มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคาไปในทิศทางที่ขึ้นมากกว่าลง และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ยังพบว่าราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับ 29.79 บาทต่อลิตร ขึ้นราคามาถึง 10.10 บาทต่อลิตร เมื่อเทียบกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559

     

     นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ทางผู้ประกอบการไม่ได้ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว แต่ราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนน้ำมัน และพบว่าเลิกกิจการไปแล้วมากกว่า 30% นี่เป็นข้อมูลที่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นปี 2560 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งตอนนี้น่าจะเลิกกิจการไปมากกว่านี้ เพราะราคาน้ำมันสูงอย่างต่อเนื่อง

     “การมาเข้าพบ รมว.คมนาคมในครั้งนี้ ต้องการเรียกร้องให้พิจารณาอนุมัติปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร 10 สตางค์ต่อกิโลเมตร เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันสูงเกินกว่าที่ผู้ประกอบการจะแบกรับภาระต่อไปได้อีก หากไม่ให้คำตอบเรื่องการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร แนวทางที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการให้อยู่รอดได้คือการปรับลดเที่ยววิ่ง และอาจส่งผลให้บางเส้นทางมีรถวิ่งให้บริการเพียง 1 เที่ยววิ่งต่อวัน หรืออย่างเส้นทางกรุงเทพฯ–โคราช จากเดิมที่มีเที่ยววิ่งจำนวน 300 เที่ยวต่อวัน อาจปรับลดเหลือ 200 เที่ยวต่อวัน” เจ๊เกียวกล่าว และว่า ข้อเสนอขอปรับค่าโดยสารได้ประเมินแล้วว่าจะไม่กระทบต่อผู้บริโภคมาก เพราะผู้ประกอบการรถทัวร์ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันของสายการบินต้นทุนต่ำ หรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ และรถตู้ ที่แข่งขันทำราคาแย่งชิงผู้โดยสาร แต่เพื่อทำให้ผู้ประกอบการรถทัวร์ยังคงยืนอยู่ในธุรกิจได้ ก็จำเป็นต้องขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร 

     มีรายงานว่า ปัจจุบันจำนวนรถร่วมบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือบขส. ที่จดทะเบียนอยู่ในระบบมีรวมกว่า 1 หมื่นคัน แบ่งสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิง 5% เป็นก๊าซเอ็นจีวี และ 95% เป็นน้ำมันดีเซล

      ต่อมา รมว.คมนาคมเปิดเผยภายหลังหารือกับเจ๊เกียวว่า ได้ขอให้สมาคมชะลอปรับขึ้นค่าโดยสารออกไปก่อน เนื่องจากกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติโครงสร้างราคาใหม่ และถึงจะพิจารณาข้อเสนอของสมาคมว่าควรปรับขึ้นค่าโดยสารรถร่วมบขส.หรือไม่ นอกจากนี้ได้ขอให้สมาคมหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 20 เนื่องจากมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลถึงลิตรละ 3 บาท เนื่องจากกระทรวงพลังงานจะส่งเสริมการใช้น้ำมันดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้

     ด้านนางสุจินดา กล่าวว่า จะนำผลการหารือกับรมว.คมนาคมไปแจ้งให้สมาชิกได้รับทราบว่ากระทรวงคมนาคมยังไม่อนุมัติให้ปรับราคา จากนั้นจะประชุมร่วมกับสมาชิกในอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อขอมติที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร หลังจากนั้นจะนำสมาชิก 50 คน จากภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอเข้าพบ รมว.คมนาคม เพื่อทวงคำตอบอีกครั้ง  

     “ส่วนกรณีที่ทางกระทรวงคมนาคมให้ผู้ประกอบการปรับเครื่องยนต์ให้ใช้น้ำมันบี 20 แทนนั้น ในเรื่องนี้ใครจะกล้าเอารถราคา 7-8 ล้านมาปรับใช้บี 20 ได้ เดี๋ยวรถก็เสียหายเจ๊งแบบรถที่ใช้แก๊ส” เจ๊เกียวกล่าว

     ขณะที่ นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์รถบรรทุกอาเซียน กล่าวว่า จากที่ราคาน้ำมันได้มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกทุกประเภทได้รับผลกระทบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทางสหพันธ์รถบรรทุกอาเซียนได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงานเพื่อเรียกร้องให้กระทรวงนำเงินกองทุนน้ำมันที่จัดเก็บไว้เกินกว่า 4 หมื่นล้านบาท ออกมาสนับสนุนช่วยผู้ประกอบการไม่ให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเสนอให้นำเงินกองทุนน้ำมันมาช่วยสนับสนุนค่าน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นแทนผู้ประกอบการผู้ใช้จนถึงไตรมาส 4 ของปี 2561 คือเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นให้ราคาน้ำมันปรับเป็นไปตามกลไกตลาด แต่หากรัฐบาลและกระทรวงพลังงานไม่ช่วยเหลือทางผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องปรับราคาค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 5%

     อย่างไรก็ตาม มองว่าขณะนี้ผู้ประกอบการมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นมาก เช่น ค่าขนส่งเฉลี่ย 1 หมื่นบาทต่อเที่ยว จะมีค่าทางด่วนมากกว่า 2% ค่าน้ำมันประมาณ 5% โดยเฉลี่ยต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 7%

     

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ครั้งที่ 2/2561 โดยก่อนปิดการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวแสดงความเป็นห่วงถึงปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นว่า ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นในขณะนี้เป็นไปตามราคาตลาดโลก จาก 50 บาทต่อบาร์เรลเป็นกว่า 70 บาทต่อบาร์เรล ซึ่งรัฐบาลไม่ได้อยากให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ดังนั้นตอนนี้จึงรู้สึกเป็นห่วงคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันราคาแพง ขณะเดียวกันอยากให้ทุกคนเข้าใจ ซึ่งอาจมีการเข้าใจผิดว่ารัฐบาลทำให้ราคาน้ำมันแพง จึงอยากให้เข้าใจตรงนี้ อีกทั้งยังไม่รู้ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอีกนานแค่ไหน

     ทั้งนี้ ในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กล่าวด้วยว่า ราคาน้ำมันตอนนี้อยู่ที่ลิตรละ 30 บาทกว่า ซึ่งในอดีตก็เคยมีราคาสูงถึง 40 บาท

     วันเดียวกัน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงราคาน้ำมันและราคาก๊าซแอลพีจีปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและวิตกว่าจะกระทบต่อต้นทุนและราคาอาหารหรือสินค้าทั่วไปสูงขึ้นว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างติดตามโครงสร้างต้นทุนที่จะมีผลต่อราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่มีต้นทุนหลักมาจากน้ำมันและก๊าซแอลพีจี ซึ่งจะมีการประเมินเป็นรายสัปดาห์ว่ามีสินค้าใดได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาพลังงานดังกล่าวหรือไม่ หากพบว่ามีผลกระทบต่อโครงสร้างราคาอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะหารือกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการถึงแนวทางในการดูแล

     ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ยืนยันมีมาตรการในการรองรับอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดยื่นขอปรับราคาสินค้ามายังกรมการค้าภายใน แต่ก็ได้มีการสั่งการให้ติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดแล้ว จากรายงานเบื้องต้นของกรมการค้าภายในเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นยังไม่มีผลต่อต้นทุนโครงสร้างราคาสินค้า

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก