ข่าว

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่

25 พ.ค. 2561

กองปราบฯ ถือหมายจับบุก 3 วัดตั้งแต่เช้าตรู่ รวบ 5 พระชั้นผู้ใหญ่พันเงินทอนวัด ศาลไม่ให้ประกันก่อนถูกจับสึก เจ้าอาวาสวัดสระเกศเผ่นหนี สั่งอายัดบัญชีกว่า 130 ล้าน

          เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. นำกำลังตำรวจกองปราบปราม บุกเข้าตรวจค้น 3 วัดดังในกรุงเทพฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด ได้แก่ วัดสระเกศราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ และวัดสามพระยาวรวิหาร เขตพระนคร พร้อมกันนี้ยังมีการเข้าตรวจค้นที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม วัดตราชู และวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี กรณีพระพุทธรูปในวัดดังกล่าวหายไปอีกด้วย

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          ชุดแรกนำโดย พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1.บก.ป. นำหมายจับศาลอาญา เข้าตรวจค้นที่วัดสระเกศ เพื่อจับกุมพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 จากการตรวจค้นไม่พบพระพรหมสิทธิอยู่ภายในวัด พบเพียงพระศรีคุณาภรณ์ (พระมหาบุญทวี) และพระครูสิริวิหารการ(สมจิตร จิตฺตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และนายทวิช สังข์อยู่ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ของวัด ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

 

          สำหรับพระพรหมสิทธิ ขณะเข้าตรวจค้นไม่พบตัวอยู่ในวัด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบจากลูกศิษย์วัดว่า พบเห็นพระพรหมสิทธิครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยบอกกับลูกศิษย์ว่าจะออกไปตรวจงานก่อสร้างภายในวัด ก่อนที่จะหายไปไม่กลับมาอีกเลย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเจ้าหน้าที่พบประตูเล็กๆ ข้างวัด มีลักษณะคล้ายประตูลับซึ่งจะออกไปสู่ถนนบำรุงเมืองได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้ชุดสืบสวนศึกษาทางเข้า-ออกจากภายนอกแล้ว ไม่พบประตูดังกล่าวแต่อย่างใด

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          สำหรับพระวัดสระเกศที่ถูกออกหมายจับเพื่อดำเนินคดี ทั้งหมด 4 รูป คือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาส พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระครูสิริวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระวิจิตรธรรมาภรณ์(เจ้าคุณเทอด) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส


เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          ส่วนฆราวาสอีก 4 รายคือ น.ส.นุชรา สิทธินอก หญิงแม่บ้านที่รับเงินโอนจากวัด น.ส.ฆัมม์พร นิพนธ์พิทยา มารดาของร.ท.ฐิติทัศน์, นายธีระพงษ์ พันธ์ศรี และนายทวิช สังข์อยู่ ลูกศิษย์วัดและผู้มีอำนาจเซ็นชื่อเบิกจ่ายเงินในบัญชีของวัด ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับบริษัทดีดีทวีคูณ ที่รับจ้างผลิตสื่อให้แก่วัดสระเกศ

          โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว ซึ่งก็พบมีหลักฐานบางส่วนที่เชื่อมโยงกับการทุจริตใน 2 โครงการ จำนวนเงิน 69 ล้านบาท โดยพบเส้นทางการเงินที่โอนเงินไปให้แก่บุคคลภายนอก ทั้งนี้ ยังพบบัญชีธนาคารบัญชีส่วนตัว ที่มีชื่อเจ้าอาวาสเป็นเจ้าของถึง 10 บัญชี โดยพบกระแสการเงินมากกว่า 130 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้อายัดเงินทั้งหมดไว้แล้ว

          พล.ต.ต.ไมตรี เปิดเผยว่า วันนี้ที่เข้าตรวจสอบไม่ได้เข้าเพียงแค่วัดสระเกศราชวรมหาวิหารที่เดียว ยังได้เข้าตรวจค้นอีก 2 วัด คือ วัดสามพระยา วัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นการเข้าตรวจสอบเรื่องเงินทอนวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) จากการตรวจสอบพบว่างบประมาณที่ได้มาทางวัดทั้ง 3 ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายตามที่ได้รับงบมาเลย โดยทั้ง 3 วัดจะได้งบประมาณมาจากหลายส่วน ซึ่งแต่ละวัดจะมีวิธีการยักย้ายเส้นทางการเงินแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการโอนเงินเข้าบุคคลอื่นแทบทั้งสิ้น


เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่ แฟ้มภาพ
 

          พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของวัดสระเกศนั้นเกี่ยวข้องกับเงิน 32 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงบเผยแผ่ศาสนา ที่ พศ.โอนเงินให้จัดทำตามโครงการ แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินจำนวน 25 ล้านบาทไปให้แก่ น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี มีชื่อเป็นผู้เปิดบริษัทที่รับเงินจากทางวัด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวนที่กองปราบฯ อีกครั้ง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในวัดสระเกศนั้น นอกจากไม่พบตัวพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ แล้วยังไม่พบพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศอีกด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ซอยสุขุมวิท 39 กทม. จึงนำกำลังไปอายัดตัว ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบฯ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

          ขณะเดียวกันกำลังชุดที่ 2 นำโดย พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 ป.นำกำลัง พร้อมหมายจับศาลอาญา เข้าตรวจตรวจค้นที่วัดสามพระยา เพื่อจับกุมพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และพระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน พร้อมตรวจค้นหาเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เบื้องต้นพบพระพรหมดิลกกำลังจำวัดอยู่ภายในกุฏิ เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับ พร้อมกับเข้าตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในกุฏิ เสร็จแล้วก็ขอเชิญตัวมาดำเนินคดีทันที

          จุดที่สามที่ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร นำโดย พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3.บก.ป. นำหมายจับศาลอาญา เข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน แต่ไม่พบตัว จึงได้ตรวจค้นหาเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการฟอกเงินเพื่อดำเนินคดีต่อไป

          นอกจากนี้ กำลังอีกชุดนำโดย พล.ต.ต.อภิชาติ สิริสิทธิ์ รองผบช.ก. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5.บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.ปพ.บก.ป. และตำรวจคอมมานโด อาวุธครบมือ นำหมายจับศาลอาญา เพื่อจับกุมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม ในข้อหาสนับสนุนให้มีการปล้นทรัพย์ จากกรณีเมื่อครั้งการชุมนุมของ กปปส.เมื่อปี 2556 ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดยพระสุวิทย์ เวทีแจ้งวัฒนะ กรณีกลุ่มมวลชนของ กปปส. ได้ปล้นทรัพย์เป็นอาวุธปืนของตำรวจสันติบาลไป

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่  

        โดยมีรายงานว่าขณะตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบว่ากุฏิของพระสุวิทย์มีการ์ดดูแลอยู่รอบๆ ในจุดนี้เจ้าหน้าที่กองปราบฯ จึงมีการติดอาวุธทุกนาย เนื่องจากการข่าวสืบพบว่ากลุ่มการ์ดบางคนมีการครอบครองอาวุธปืนด้วย ทั้งนี้ขณะเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้กระจายกันควบคุมตัวการ์ดไว้และตรวจสอบหมายจับว่าบุคคลใดมีหมายจับหรือไม่เพราะการ์ดบางคนได้ร่วมชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะด้วย จากนั้นก็บุกเข้าไปในกุฏิ พบว่า พระสุวิทย์อยู่ภายในห้องนอนไม่ได้ห่มจีวร เพียงแต่นุ่งสบงและสวมอังสะ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับก่อนจับกุมตัว ก่อนนำตัวเข้ามาสอบสวนดำเนินคดีที่กองปราบปรามทันที

 

          ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช ได้เดินทางเข้ามาที่กองปราบปราม เพื่อสอบปากคำพระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ด้วยตนเอง พร้อมเปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่าปฏิบัติการตรวจค้นวัดเป้าหมาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทอนวัด ก็ต้องขอเวลาให้พนักงานสอบสวนทำงานก่อน เพราะตอนนี้ยังเข้าปฏิบัติการค้นไม่ครบตามเป้าหมาย

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่ แฟ้มภาพ

          ยืนยันว่า คดีนี้ทำไปตามหลักฐานที่พบทุกอย่าง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ก็ขอให้ลูกศิษย์วัดเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยขอให้แยกแยะระหว่างศาสนากับตัวบุคคลด้วย

          ขณะที่ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ สตม. ได้รับแจ้งว่า พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และเจ้าคณะภาค 10 เป็นบุคคลตามหมายจับ จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ สตม.ขึ้นสถานะบุคคลต้องห้าม หรือแบล็กลิสต์กับพระพรหมสิทธิ พร้อมกำชับให้ทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดนเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกในช่วงนี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร แต่อย่างใด

          ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากลูกศิษย์ พระพรหมสิทธิ ซึ่งได้ออกมาระบุว่า

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          พระพรหมสิทธิอยู่ในระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศสิงคโปร์ และยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย แต่อย่างใด

          ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 ป. พร้อมด้วยเจ้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบ นำตัว พระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ได้แก่ 1.พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 2.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 3.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 4.พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 5.พระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา 

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่


          รวมทั้งน.ส.ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา มารดาของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารสังกัด ศรภ. และ น.ส.นุชรา สิทธินอก ไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งหากศาลมีความเห็นรับฝากขังก็จะต้องให้สึกจากความเป็นพระทันที ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
          ทั้งนี้ ศาลไม่ให้ประกันตัวพระทั้ง 5 รูปดังกล่าว รวมทั้งฆราวาส 4 คน ด้วยเช่นกัน

          ส่วน พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม พระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม - 4 มิถุนายน 2561 รวม 12 วัน ในคดีความผิดฐานปล้นทรัพย์ กับเป็นหัวหน้าอั้งยี่ซ่องโจร จากกรณีความผิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 ขณะที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม กปปส. จากกรณีที่ตำรวจสันติบาลถูกการ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และปล้นเอาทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ไปด้วย

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          ทั้งนี้ ในสำนวนการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์พระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และ ส.ก. กรณีสร้างพระเครื่องพระนาคปรกรุ่นหนึ่งในปฐพีด้วย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 250 ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดิน หรือพระปรมาภิไธย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท เเละมาตรา 252 ผู้ใดใช้ดวงตรา รอยตราหรือพระปรมาภิไธยดังกล่าวมาในมาตรา 250 หรือมาตรา 251 อันเป็นดวงตรา รอยตรา หรือพระปรมาภิไธยที่ทำปลอมขึ้น ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนกองปราบฯ จะต้องสอบพยานอีก 30 ปาก และต้องรอผลตรวจและผลลายพิมพ์นิ้วมือ รวมทั้งรอผลตรวจของกลาง ซึ่งมีการฝากขังไว้ตั้งแต่วันนี้ถึง 4 มิถุนายน รวมเป็นเวลา 12 วัน และทางพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรคกับพนักงานสอบสวน

          วันเดียวกัน ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวพระพุทธะอิสระ ในคดีอั้งยี่ซ่องโจร ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาของข้อหาเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง ผู้ต้องหากระทำผิดหลายข้อหา และมีผู้ร่วมกระทำผิดหลายราย ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัว เกรงว่าหากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลไม่อนุญาตให้พระพุทธะอิสระประกันตัว ดังนั้น พระพุทธอิสระต้องสึกจากความเป็นพระ

          ส่วนที่ จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว พระครูวิลาสกิจจานุกูล รองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และพระครูไกรสรวิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีชาวบ้าน ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เข้าร้องเรียนต่อกองปราบปรามว่า พระพุทธรูปบูชา จำนวน 3 องค์ หรือพระรัตนะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเดิมทีเคยตั้งประดิษฐานประจำอยู่ภายในหอระฆังของวัดตราชูหายไป เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่สืบหาเบาะแสจนทราบว่า พระทั้ง 2 รูปนี้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพระครูไกรสรวิลาศได้เป็นผู้นำพระพุทธรูปบูชา จำนวน 3 องค์ หรือพระรัตนะ ไปขายเป็นเงิน 2 แสนบาท แก่พระครูวิลาสกิจจานุกูล เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งมีการออกหมายจับ จึงนำกำลังเข้าไปติดตามจับกุมและควบคุมตัวพระทั้ง 2 รูปมาสอบปากคำยังกองบังคับการปราบปราม

เงินทอนวัดพ่นพิษจับสึก 5 พระผู้ใหญ่
 

          โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย แก่พระครูวิลาสกิจจานุกูล และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย แก่พระครูไกรสรวิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู

          ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม จะนำพระทั้ง 2 รูป ไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ในวันที่ 25 พฤษภาคม