ฮือต้าน"กองขยะ"เพชรบูรณ์ก่อปัญหานาน 45 ปี
ฮือต้าน"กองขยะ-บ่อขยะ"เพชรบูรณ์ขนาดมหึมา 1 แสนตันก่อปัญหามานาน 45 ปี ชาวบ้านหนองสว่าง เรียกร้องให้ย้ายออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน
13 กรกฎาคม 2561 ความคืบหน้ากรณีจากชาวบ้านตำบลหนองสว่าง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลุกฮือต่อต้านบ่อทิ้งขยะเทศบาลเมืองหล่มสัก หมู่ที่ 4 ต.หนองสว่าง พร้อมเรียกร้องให้ขนย้ายกองขยะกว่า 1 แสนตันออกไปให้จากชุมชน
โดยอ้างว่าทำให้เกิดมลพิษทางด้านกลิ่นเหม็นและมีปัญหาน้ำเสียจากกองขยะไหลลงสู่แหล่งน้ำในชุมชนอีกด้วย จากเดิมเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ชาวบ้านตำบลหนองสว่าง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จำนวนกว่า 100 คนนำโดยนายเจษฎา โสภา รวมตัวกันที่บริเวณด้านหลังบ่อทิ้งขยะเทศบาลเมืองหล่มสัก หมู่ที่ 4 ต.หนองสว่าง พร้อมชูป้ายแสดงจุดยืนคัดค้านและจี้ให้เทศบาลฯเร่งย้ายบ่อขยะดังกล่าวออกพ้นชุมชน
โดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากบ่อขยะแห่งนี้ซึ่งสร้างมลพิษทั้งทนกลิ่นเหม็นและน้ำเสียที่ไหลสู่แหล่งน้ำในชุมชนและยังมีผลกระทบต่อน้ำบาดาลที่ชาวบ้านใช้สำหรับอุปโภคบริโภคเป็นเวลา 45 ปี โดยมี พ.อ.เกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน 28 พร้อม นายอำนาจ พูลยอด ปลัดอำเภอหล่มสักและเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ มารับฟังปัญหาและสังเกตการณ์
ต่อมาวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 นายชนก มากพันธุ์ นายอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แจ้งกับทางกลุ่มผู้คัดค้าน ที่เสนอให้ย้ายออกเพียงอย่างเดียวโดยไม่เสนอแนวทางอย่างอื่น ก่อนหน้านี้เทศบาลได้ชี้แจงว่ามีบริษัทเอกชนเสนอโครงการเปลี่ยนขยะให้เป็นน้ำมัน และยังพามวลชนในพื้นที่ไปดูงานที่จ.อยุธยาซึ่งการแก้ไขก็มีความเป็นไปได้
นอกจากนี้เทศบาลฯยังมีแผนงานทำกำแพงล้อมรอบบ่อทิ้งขยะ แต่ทั้งนี้ในท้ายที่สุดแล้วทางเทศบาลฯคงไม่สามารถย้ายกองขยะกว่า 1 แสนตันออกไปได้ ฉะนั้นจึงต้องพยายามชี้แจงสร้างความเข้าใจชาวบ้านรอบบ่อทิ้งขยะ ไม่มีการแก้ไขด้วยการแปลงขยะให้เป็นพลังงานไฟฟ้า แต่ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาไม่ใช่มีได้แต่ฝ่ายเดียวก็ต้องมีทั้งได้และเสีย แต่การเสียจะต้องให้มีผลกระทบน้อยที่สุด
นายเจษฎา โสภา แกนนำชาวบ้านตำบลหนองสว่างที่เรียกร้องให้เทศบาลเมืองหล่มสักย้ายกองขยะออกไป ทราบว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จากทางหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปดำเนินการ แม้จะพ้นกำหนด 15 วันที่ตนเองและกลุ่มชาวบ้านกำหนดไว้แล้วก็ตาม และตนเองยังทราบข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า เมื่อหลายปีก่อน ทางองค์การบริหารส่วนตำบลฝายนาแซง ได้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์แปลงดังกล่าว จำนวน 6 ราย และศาลก็รับดำเนินคดี แสดงว่าการบุกรุกหรือครอบครองที่ดินสาธารณะประโยชน์แปลงดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมาย ดังนั้นตนเองจึงอยากให้หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนไปตรวจสอบแนวเขตและการถือครองที่ดินแปลงดังกล่าวทุกราย พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ของเทศบาลเมืองหล่มสักที่ใช้แสดงในการถือครองที่ดินแปลงที่ใช้ทิ้งขยะด้วย
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบกับองค์การบริหารส่วนตำบลฝายนาแซงทราบว่า องค์การบริหารส่วนตำบลฝายนาแซงได้มีการดำเนินคดีกับชาวบ้านที่บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์แปลงดังกล่าวจริง และศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องเนื่องจากชาวบ้านที่บุกรุกขาดเจตนา ส่วนในเรื่องของการดำเนินการหลังจากมีการตัดสินของศาลนั้น ขณะนี้กำลังทำเรื่องหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ต้องดำเนินการกับชาวบ้านที่รุกรุกอย่างไร และในระหว่างที่ดำเนินคดีกับชาวบ้านที่บุกรุกที่สาธารณะ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลฝายนาแซง ในฐานะผู้ดูแลที่ดินแปลงดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบระวางที่และเอกสารสิทธิ์การถือครองในที่ดินแปลงดังกล่าว ปรากฏมีการออกโฉนด จำนวน 10 ราย และ นส 3 ก. จำนวน 1 ราย จึงได้ขอให้กรมที่ดินดำเนินการขอยกเลิกเอกสารสิทธิ์ที่ทับซ้อนกันดังกล่าวแต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบผลการดำเนินการ
ในส่วนของเทศบาลเมืองหล่มสัก ได้ให้ข้อมูลว่า เทศบาลเมืองหล่มสักยินดีย้ายที่ทิ้งขยะออกจากพื้นที่ตำบลหนองสว่างโดยไม่มีเงื่อนไข เพียงแต่ว่าในขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อที่ดินแปลงใหม่และอยู่ในระหว่างการเสนอเทศบัญญัติเข้าสู่สภา การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเข้าสู่ขั้นตอนของการประชาคมผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตามจริงแล้วเทศบาลหล่มสักมีแนวคิดที่จะทำข้อตกลงร่วมมือกับเอกชนในการจัดการขยะที่บ่อทิ้งขยะตำบลหนองสว่างแต่ก็ยังมีปัญหาติดขัดในเรื่องการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเข้าสู่ขั้นตอนของการประชาคม ในเรื่องของเอกสารสิทธิ์ นส 3 ก. จำนวน 17 ไร่ ของที่ดินแปลงที่ใช้เป็นที่ทิ้งขยะนั้น ทางเทศบาลหล่มสักแจ้งว่าเป็นเพียงเอกสารแสดงแนวเขตที่สาธารณะประโยชน์ ประเภทที่ใช้เฉพาะส่วนราชการเท่านั้น และพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาและการตรวจสอบในทุกกรณี