JTC ไทย-ลาว ผลักดันการค้าเพิ่ม 2 เท่า
"สนธิรัตน์" นำทัพไทยประชุม JTC ไทย-ลาว ผลักดันการค้าเพิ่ม 2 เท่า ภายในปี64 ขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์
6 ก.ย. 61 - นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยจากภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-ลาวและกิจกรรมจับคู่ธุรกิจไทย-ลาว ระหว่างวันที่ 4-6 ก.ย 2561 ณ กรุงเวียงจันทร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว( สปป.ลาว) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการค้าเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2559 เป็นประมาณ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2564โดยแค่ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจโต 11% ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณที่ดี
ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าดังกล่าว ทั้ง 2 ประเทศจะต้องดำเนินการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งของไทย-สปป.ลาว และภายในภูมิภาค พร้อมให้ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ระหว่างมุกดาหาร-สะหวันนะเขต เป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (Common Control Area หรือ CCA) ที่จะอำนวยความสะดวกการนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-สปป.ลาว สามารถตรวจเอกสารพิธีการนำเข้า-ส่งออกที่เกี่ยวกับ 2 ประเทศในจุดเดียว ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุน สปป.ลาว ในการเชื่อมโยงระบบระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window หรือ ASW) ให้แล้วเสร็จในช่วงการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการตรวจสอบเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) ที่ปัจจุบันต้องส่งไปตรวจที่เวียงจันทน์
นอกจากนี้ ไทยยังพร้อมช่วยเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในเรื่องต่างๆ ของ สปป.ลาว โดยเฉพาะ SME ผ่านโครงการ CLMVT และโครงการ YEN-D เป็นต้น พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของกันและกัน โดยพิจารณาความเป็นไปได้ของการมีเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกันในบริเวณชายแดนที่อยู่ติดกัน การใช้ประโยชน์จากระบบขนส่งทางรางที่มีอยู่ให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางรถไฟระหว่างไทย-สปป.ลาว และการดำเนินการตามความตกลงด้านการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและเชื่อมโยงการขนส่งภายในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ไทยได้ขอให้ สปป.ลาว ปรับการเก็บค่าธรรมเนียมขนส่งสินค้าผ่านแดนให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกด่าน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนต้นทุนค่าขนส่งได้ รวมทั้งทั้งสองฝ่ายยังจับมือกันสร้างกลไกความร่วมมือในการระงับข้อพิพาททางการค้าของภาคธุรกิจ การส่งเสริมความร่วมมือทรัพย์สินทางปัญญาและดูแลไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า เพื่อส่งเสริมการค้าและลงทุนระหว่างกันให้แน่นแฟ้นและขยายตัวมาก
ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างนักธุรกิจผู้ซื้อผู้นำเข้าไทย-ลาว โดย มีนักธุรกิจทั้งไทยและลาวให้ความสนใจเข้าร่วมเจรจาการค้าในครั้งนี้รวมกว่า 90 ราย ผลการเจรจาการค้าครั้งนี้คาดว่า ก่อให้เกิดมูลค่าการค้ารวมกว่า 62 ล้านบาท กลุ่มสินค้าและธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ แฟรนไชส์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการศึกษา และสินค้าวัสดุก่อสร้าง
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทย-ลาว ไทยเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของ สปป.ลาว โดยเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของ สปป.ลาว และเป็นแหล่งนำเข้าอันดับหนึ่งของ สปป.ลาว (มูลค่าการส่งออกไทย-ลาว 3,949.78 ล้านเหรียญสหรัฐ (-1.13%) และมูลค่าการนำเข้า 2,220.23 ล้านเหรียญสหรัฐ (+18.28%) สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไป สปป. ลาว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็กเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางสบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เคมีภัณฑ์ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ วงจรพิมพ์ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น สำหรับสินค้านำเข้าสำคัญจาก สปป. ลาวมายังไทย ได้แก่ เชื้อเพลิงอื่นๆ สินแร่โลหะอื่นๆเศษโลหะ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผักผลไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ปูนซิเมนต์.