การลักพาตัวเด็กข้ามชาติ | คมชัดลึก

 กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยอมรับว่า การลักพาตัวเด็กลูกครึ่งอเมริกันมีมากขึ้น เมื่อปีที่แล้วมีเด็กลูกครึ่งอเมริกันกว่า 1,000 ราย ถูกลักพาตัวกลับไปยังประเทศของพ่อหรือแม่ นับเป็นสถิติที่สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 35 เปอร์เซ็นต์ในจำนวนนี้รวมไปถึงเด็กลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นกว่า 100 คน ถูกพ่อหรือแม่ลักพาตัวกลับไปญี่ปุ่น

 ขณะที่กลุ่มสิทธิเด็กในแดนซากุระบานเช้าบานเย็นเชื่อว่า ตลอดช่วงหลายปีมานี้ มีเด็ก 2 สัญชาติถูกลักพาตัวเช่นกัน ไม่นับรวมเด็กลูกครึ่งกว่า 1 หมื่นคน ถูกกีดกันไม่ให้พบปะหรือติดต่อกับพ่อหรือแม่ที่เป็นชาวต่างชาติ

 "นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของอเมริกาเท่านั้น แต่เป็นปัญหาโลกแตกเลยทีเดียว" ผู้อำนวยการกองคดีเด็กในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐให้ความเห็น ก่อนจะเสริมว่า "ในระยะยาวแล้ว คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือเด็ก"

 กระทรวงต่างประเทศเองได้เริ่มวางมาตรการเข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหานี้ไม่ให้ทวีความรุนแรงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากเศรษฐกิจตกต่ำ นำไปสู่การลอยแพคนงานชาวต่างชาติ ซึ่งมักจะพาลูกกลับประเทศด้วยจนเกิดปัญหาแย่งลูกกันขึ้น จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือใช้วิธีลักพาตัวเด็กหนีกลับประเทศ

 ที่หนักหนาสาหัสกว่านั้นก็คือ คดีเหล่านี้ไม่สามารถยุติลงง่ายๆ ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไปกว่าจะตกลงกันได้ เนื่องจากประเทศต่างๆ มักจะมีความเห็นไม่ลงรอยกันว่าเด็กควรจะอยู่กับใคร แต่อีกฝ่ายมักจะไม่ยินยอม และหาทางลักพาตัวลูกกลับประเทศบ้าง

 ที่ญี่ปุ่นเองปัญหานี้เริ่มกลายเป็นปัญหาสังคมมากขึ้น เนื่องจากศาลมักจะตัดสินให้ลูกอยู่กับแม่หรือพ่อหรือปู่ย่าตายายที่เป็นชาวญี่ปุ่นมากกว่าจะยอมให้สิทธิเด็กไปอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นคนต่างชาติ ซึ่งยังถูกกีดกันไม่ให้มีสิทธิยุ่งเกี่ยวกับลูกด้วย ต่างไปจากกฎหมายระหว่างประเทศที่มักจะเปิดช่องให้อีกฝ่ายไปเยี่ยมลูกได้ตามที่ตกลงกันไว้

 ตอนนี้รัฐบาล 8 ประเทศได้เร่งกดดันให้ญี่ปุ่นยอมลงนามในสนธิสัญญาป้องกันการลักพาตัวเด็กโดยพ่อแม่ที่หย่าร้างกัน ถือเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะผ่อนคลายกฎหมายอันแสนเข้มงวดของญี่ปุ่นลง แต่คงไม่ช่วยสักเท่าใดนัก

บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์