"โม ซาลาห์" อาถรรพณ์ฤดูกาล 2 หรือ(แค่)เครื่องร้อนช้า | คมชัดลึก

เกมล่าสุดที่ลงช่วยต้นสังกัดแบ่งแต้ม แมนฯ ซิตี 0-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชั่วโมงนี้เจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาร้างชื่อบนสกอร์บอร์ดนาน 4 นัดติดต่อกัน เช่นเดียวกับ “หงส์แดง” ต้นสังกัดที่สะกดคำว่าชนะไม่เป็นเท่ากับจำนวนเกมที่แข้งตัวความหวังสูงสุดไม่สามารถผลิตสกอร์ให้พวกเขาได้นับตั้งแต่หนสุดท้ายที่บุกไปถล่มเซาธ์แฮมป์ตัน 3-0

ตั้งแต่ซีซั่นใหม่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านมาแล้ว 8 นัด ปีกอียิปต์ส่งบอลซุกก้นตาข่ายไปแค่ 3 ประตู กับแอสซิสต์ 1 ลูก โดยสถิติดังกล่าวสวนทางกับฤดูกาล 2017-18 เล็กน้อยที่ผ่าน 7 นัด ยิงไป 4 ประตู และผ่านบอลให้เพื่อนยิงในจำนวนเท่ากัน

แม้จำนวนประตูของซาลาห์ ที่ “สกาย สปอร์ตส์” สื่อกีฬาเจ้าดัง ยกมาเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่ผ่านมายังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เจอร์เกน คลอปป์ หนักใจเท่าไหร่ตามที่ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันเคยออกมาป่าวประกาศแล้วว่า ตราบใดที่ลูกทีมรายนี้ยังเล่นได้ตามแผนที่วางไว้ เขาก็ไม่ควรต้องมานั่งกลุ้มใจกับตัวเลขสอยตาข่ายที่แตกต่างไปจากเดิมไม่มากนัก อย่างไรก็ตามการออกมาหนุนหลังลูกทีมของคลอปป์ ดูจะไม่ได้คลายความกังวลที่บรรดา “เดอะ ค็อป” มีกับ ซาลาห์ เท่าไหร่ เมื่อผลงานนับตั้งแต่ทีมสะดุดหาชัยชนะไม่เจอใน 4 เกมหลังมันกำลังบ่งบอกว่าขวัญใจของพวกเขาไม่ได้ประสบแต่ปัญหาคลำเป้าเท่านั้น

โอกาสส่องมากสุด

เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีก ระบุว่าตั้งแต่เปิดซีซั่นมาไม่มีดาวเตะรายไหนจะมีโอกาสลุ้นประตูเท่ากับซาลาห์ อีกแล้ว จากโอกาสส่อง 32 เที่ยว โดยในจำนวนดังกล่าวแนวรุกจากดินแดนไอยคุปต์พลาดโอกาสสำคัญที่ต้องเป็นประตูถึง 6 ลูกด้วยกัน ความแม่นยำในการยิง 41% จากการยิงตรงกรอบ 13 หน

ตัวเลขอันน่าใจหายนี้เจ้านายซึ่งชูมือหนุนหลังอย่างคลอปป์ ก็น่าจะทราบดีถึงปัญหาที่ซ่อนไว้ใต้พรม

ย้อนกลับไปในเกมลีกซึ่ง หงส์-สิงห์ โคจรมาเจอกันเป็นคำรบ 2 ของฤดูกาล หลังผ่าน 1 ชั่วโมงแรกสกอร์บอร์ดที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ผู้มาเยือนกำลังอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบด้วยสกอร์ที่ตามหลังอยู่ 0-1 และการแก้เกมด้วยการส่งแนวรุกฝีเท้าจัดจ้านอย่าง เซอร์ดาน ชากิรี เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กชาวสวิส ลงมาเพื่อสร้างความแตกต่างจึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงเพื่อผลลัพธ์ในการไล่ล่าประตูคืน แต่ที่ผิดคาดคือ คนที่คลอปป์เลือกถอดออกจากสนามดันเป็นเจ้าของเสื้อเบอร์ 11 ที่บรรดาแฟนฝากความหวังในการทวงประตูคืนไว้มากที่สุด เกมกับ “สิงห์บลูส์” ไม่ใช่หนแรกที่ซาลาห์ อยู่ในสนามไม่ครบ 90 นาที (ก่อนหน้านั้น 2 เกมกับเลสเตอร์ และเปแอสเช) แต่ไม่มีการเดินออกจากสนามครั้งไหนที่น่ากังวลเท่ากับเกมแบ่งแต้มกับลูกทีมของเมาริซิโอ ซาร์รี อีกแล้ว เพราะเกมนี้บรรดานักวิจารณ์ต่างชี้ชัดว่า ลิเวอร์พูล ควรได้มากกว่าแค่ 1 แต้มด้วยซ้ำหาก ซาลาห์ อยู่ในฟอร์มเดียวกับเมื่อซีซั่นก่อน สิ้นเสียงนกหวีกยาวที่ลอนดอนผลลัพธ์ลงเอยด้วยการเสมอกัน 1-1 โดย ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ กลายเป็นฮีโร่เมื่อสวมบทซูเปอร์ซับลงมากดประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมช่วยให้ตัวแทนจากเมอร์ซีย์ไซด์รอดพ้นความปราชัยหนแรกของฤดูกาลไปหวุดหวิด แถมคนผ่านบอลให้หอกจอมแดนซ์สับไกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนได้แก่ ชากิรี นั่นเอง

หากนำปัจจัยเรื่องโปรแกรมสุดโหดที่ลิเวอร์พูล ต้องลงเล่นบอลถ้วย 3 รายการในระยะเวลาห่างกันแค่สัปดาห์เดียวมาพิจารณาก็พอเข้าใจได้ว่าการต้องลงบู๊กับคู่ปรับระดับใกล้เคียงกันอย่างเชลซี ถึง 2 นัดติด ตามด้วยการเหินฟ้าทำศึกถ้วยใหญ่ยุโรปกับนาโปลีถึงอิตาลี ก่อนจะมาปิดจ๊อบคิวแสนสาหัสกับแมนฯ ซิตี แชมป์เก่าที่ลงเอยด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ในเที่ยวล่าสุด ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแข้งรายใดก็ตามที่จะสลุตตาข่ายเป็นว่าเล่นกับคู่แข่งที่มีชื่อเสียงเรียงนามตามที่กล่าวมา

อย่างไรก็ตามชื่อชั้นและความเขี้ยวรากดินของทีมคู่ปรับก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องความเด็ดขาดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่สามารถนำมาเหมารวมได้เช่นกัน

คู่แข่งจับทางได้

ฤดูกาลที่สองในสีเสื้อหงส์แดง ซาลาห์ กำลังถูกมองว่าโดนคู่แข่งจับทางได้ไม่ยาก ตรงข้ามกับตอนย้ายมาใหม่ๆ ที่สปีดต้นและความเร็วของเขามักสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้เสมอโดยตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

สถิติ “อีเอสพีเอ็น” สื่อของสหรัฐ ระบุว่า โอกาสลุ้นทำประตูของ ซาลาห์ มาจากเท้าซ้ายมากที่สุด 89% (ไม่รวมลูกโหม่ง) ซึ่งเรื่องนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า เพราะความถนัดเล่นบอลด้วยเท้าข้างเดียวจึงทำให้ถูกจับทางได้ง่าย สังเกตได้จากยามเลี้ยงตัดเข้าในแล้วกดด้วยซ้ายที่มักติดบล็อกจากฝั่งตรงข้ามทุกทีไป

และหากนำมาเปรียบเทียบกับ แฮร์รี เคน กับ เซร์คิโอ อเกวโร 2 ดาวยิงที่ถนัดซ้ายเช่นเดียวกันจะเห็นความต่างในจุดนี้ได้ชัดเจน โดยกัปตันทีมชาติอังกฤษของไก่เดือยทอง มีโอกาสลุ้นประตูจากเท้าซ้าย 73% ส่วนหัวหอกอาร์เจนไตน์ มากกว่าเล็กน้อยที่ 80%

ขณะที่ดาวเตะที่ใช้เท้าขวาผลิตสกอร์เป็นส่วนใหญ่อย่าง เอแดน อาซาร์, ราฮีม สเตอร์ลิง, ซาดิโอ มาเน หรือกระทั่ง ซน ฮึง มิน ตัวเลขสูงสุดอยู่ของทั้ง 4 รายอยู่ที่ 65% เท่านั้น

หากข้อมูลที่ยกมาข้างต้นยังเห็นภาพไม่ชัดเจน ขอให้ทุกคนนึกถึงเกมล่าสุดที่แอนฟิลด์ซึ่งก่อนลงสนาม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ถึงกับต้องกำชับแนวรับ “เรือใบสีฟ้า” ให้จับตายปีกมัมมีชนิดไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่นาทีเดียว หลังเคยมีบทเรียนมาแล้วจากการถูกดาวยิงรายนี้สอยตาข่ายได้ตลอด 3 นัดหลังสุดที่พบกัน อย่างไรก็ตามสถิตินักเตะที่ยิงประตู แมนฯ ซิตี ได้ 4 เกมติดต่อกันยังเป็นชื่อของ เอียน รัช ตำนานหนวดหินคนสุดท้ายที่ทำได้ เพราะดาวเตะที่ลุ้นทาบสถิติดังกล่าวอย่างซาลาห์ แทบจะไม่ได้กระดิกไปไหนจากการถูก เบนฌาแมง เมนดี ตามติดยิ่งกว่าเงาของตัวเอง แถมฟูลแบ็กชาวฝรั่งเศสเพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงซ้อมกับทีมก่อนแข่งเพียง 3 วันเท่านั้น แต่กลับทำให้ดาวยิงที่ลงตัวจริงมาตลอด 8 นัดที่ผ่านมา ไม่สามารถควานหาประตูได้ติดต่อกันเป็นเวลาเกือบ 360 นาที หรือกว่า 3 สัปดาห์เข้าไปแล้ว

ผู้ช่วยแบกภาระ

วิกฤติปืนฝืดของซาลาห์ หากเป็นแค่อาการเครื่องร้อนช้าธรรมดาทั่วไปก็คงไม่ใช่สิ่งที่น่าหนักใจเท่าใด แต่หากปัญหาที่แท้จริงคือการเผชิญกับอาถรรพณ์ฤดูกาลที่ 2 ขึ้นมาจริงๆ เห็นที เจอร์เกน คลอปป์ ในฐานะนายใหญ่ อาจจำเป็นต้องลุกขึ้นมาดับไฟปัญหาด้วยตัวเองเสียแล้ว

การกลับมาเกิดใหม่ในภาค 2 ของ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ น่าจะทดแทนปัญหาขาดแคลนประตูแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ยังไม่น่าจะใช่คำตอบในระยะยาว ทำให้เวลานี้ “เดอะ ค็อป” หลายคนกำลังหวนนึกถึงดีลที่ล้มไม่เป็นท่าในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

การหานักเตะตำแหน่งเบอร์ 10 ที่ทีมเคยต้องการดังเช่นตอนไล่ล่าลายเซ็น นาบิล เฟคีร์ เพลย์เมกเกอร์โอลิมปิก ลียง ดูจะเป็นการตอบโจทย์ในจุดนี้ได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะนอกจากจะเข้ามาทดแทนในตำแหน่งที่ทีมกำลังขาดอยู่ อีกทางหนึ่งการเข้ามาของผู้เล่นในตำแหน่งนี้ยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของซาลาห์ ที่แบกความหวังในแนวรุกอยู่เกือบจะคนเดียว แม้อีกด้านหนึ่งจะมี ซาดิโอ มาเน คอยป่วนแนวรับอีกฝั่งของขอบสนาม แต่ด้วยสไตล์การเล่นของดาวเตะเซเนกัลที่ไม่ใช่ผู้เล่นประเภทสร้างสรรค์เกมจึงทำให้ความไหลลื่นย่อมแตกต่างจากการมีผู้เล่นแบบ ยูเลียน ดรักซ์เลอร์, คริสเตียน พูลิซิช หรือ เฟคีร์ (ที่อาจกลับไปล่าลายเซ็นอีกครั้ง) อยู่ในสนาม​

อย่างไรก็ตามกว่าตลาดนักเตะรอบ 2 จะเปิดทำการต้องรออีกเกือบ 3 เดือนเต็ม ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้น โม ซาลาห์ อาจจะกลับมาสลุตตาข่ายแบบเป็นกอบเป็นกำแล้วก็ได้

แต่ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นเช่นนั้นช่วงระยะเวลาก่อนตลาดซื้อขายจะเปิดทำการ เจอร์เกน คลอปป์ อาจต้องทำสิ่งที่ถนัดที่สุดอีกครั้งด้วยใช้สิ่งที่มีอยู่ในมือให้เกิดผลที่สุด โดยทั้ง สเตอร์ริดจ์ และชากิรี คือไพ่ 2 ใบที่อดีตนายใหญ่เสือเหลืองกำลังถืออยู่ในมือเวลานี้

 

เรียบเรียง : พชร นาคจู