"ภท." จัดเสวนา "กัญชาเสรี" มั่นใจทลายความยากจน
"ภท." จัดเสวนา "กัญชาเสรี" มั่นใจทลายความยากจน ดันรายได้สูงสุดครอบครัวปีละ 4.2 แสนบาท ชูเปลี่ยนหลังบ้านเป็นแปลงสายเขียว เชื่อปลดหนี้เกษตรกรภายใน 5-10 ปี
28 ม.ค.62-“ภท.” จัดเสวนา “กัญชาเสรี” มั่นใจทลายความยากจน ดันรายได้สูงสุดครอบครัวปีละ 4.2 แสนบาท ชูเปลี่ยนหลังบ้านเป็นแปลงสายเขียว เชื่อปลดหนี้เกษตรกรภายใน 5-10 ปี “ศักดิ์สยาม” ค้านต่างชาติฮุบสิทธิบัตร
ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) มีการเสวนา ในหัวข้อ “โอกาสของกัญชาไทย มิติเศรษฐกิจ และการแพทย์” โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ, นพ.สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือ “กัญชา คือ ยารักษามะเร็ง” และนายบัณฑูร นิยมาภา หรือ “หมอตู้” ปราชญ์ชาวบ้านด้านกัญชา ร่วมเสวนา โดยวงเสวนาต่างเห็นพ้องให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เพื่อให้กัญชาไทยสามารถปลูกได้อย่างเสรี ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เห็นชอบให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และเปิดโอกาสให้เฉพาะหน่วยงานรัฐและเอกชน แต่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้ วงเสวนาจึงเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมศักยภาพด้านอื่นของพืชกัญชา เพราะหากเปิดให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้อย่างเสรี กัญชาจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สามารถแก้ปัญหาความยากจนของคนไทย และเชื่อว่าภายในระยะเวลา 5-10 ปี จะทำให้เกษตรกรไทยปลดหนี้ เพราะกัญชาสายพันธุ์ไทยถือว่ามีคุณภาพดีเป็นอันดับ 1 ของโลกและสภาพภูมิประเทศของไทยเอื้ออำนวยต่อการปลูกกัญชา จึงมีความฝันว่าอยากเห็นประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกัญชาโลก
โดยนายศักดิ์สยาม กล่าวสรุปว่า กฎหมายที่สนช.ให้ความเห็นชอบนั้น ยังมีข้อจำกัด เอื้อให้บริษัทที่มีความพร้อม ขณะเดียวกันประเทศไทยมีปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้เรื่องกัญชา จึงควรเปิดกว้างให้คนไทยเข้าถึงกัญชาอย่างแท้จริง ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยต่อเรื่องสิทธิบัตรกัญชาที่กระทรวงพาณิชย์ได้ให้บริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในประเทศไทย ยื่นจดสิทธิบัตรกัญชาและสารสกัดจากกัญชาเป็นจำนวนหลายราย ซึ่งขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากพืชกัญชายังเป็นยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ดังนั้นบริษัทดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิยื่นสิทธิบัตรดังกล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สิทธิบัตรกัญชาควรเป็นของคนไทยทั้งประเทศ โดยรัฐบาลต้องเป็นผู้รับจดสิทธิบัตร ดังเช่น แคลิฟอร์เนียโมเดล ที่ประชาชนมีสิทธิถือครองกัญชาจำนวน 6 ต้นต่อครอบครัวในราคาต้นละประมาณ 30 บาท โดยไปขอจากรัฐบาล ซึ่งมีการประเมินว่า กัญชา 1 กิโลกรัมมีราคา 70,000 บาท เมื่อ 1 ครอบครัวปลูก 6 ต้น ก็จะมีรายได้ 420,000 บาทต่อปี แต่หากผู้ใดประสงค์จะดำเนินการในเชิงพาณิชย์ รัฐบาลต้องมีการเปิดประมูลเช่นเดียวกับการประมูลคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ผลประโยชน์ตกแก่ประเทศ โดยขณะนี้ พรรคภูมิใจไทยได้ร่างกฎหมายแก้ไขพ.ร.บ.ยาเสพติด 2522 เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีสาระสำคัญคือให้มีการปลูกกัญชาได้เสรี ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาล ก็จะผลักดันกฎหมายดังกล่าวทันที หรือหากไม่ได้เป็นแกนนำ พรรคไหนที่จะชวนพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล ต้องรับนโยบายดังกล่าวด้วย และถ้าไม่รับเราก็ไม่ร่วม
“มีคนกังวลว่า กัญชาจะมอมเมาคนไทย แต่จากการเสวนาวันนี้ทำให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เหล้ากับเบียร์อันตรายยิ่งกว่า เพราะกัญชาไม่เคยทำร้ายใคร และเชื่อว่าเมื่อกฎหมายออกมาก็จะมีมาตรการควบคุมเป็นอย่างดี เมื่อแลกกับความคุ้มค่าของการมีกัญชาเสรีซึ่งจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ รักษาความยากจนและเป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ ดังสำนวน ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทย จะทำให้หลังบ้านของทุกคนมีกัญชาเสรี” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าว