ข่าว

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

18 มี.ค. 2562

 "ไพลิน เทียนสุวรรณ" ทายาทตระกูลนักการเมือง กระโดดลงเวทีการเมืองระดับชาติเพราะต้องการพัฒนาพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์

      มีดีกรีจบปริญญาโทและเป็นสมาชิกสภาจังหวัด(สจ.) จังหวัดสมุทรปราการ มาแล้วถึง 2 สมัย “นางสาว ไพลิน เทียนสุวรรณ”  ผู้สมัคร ส.ส.  หมายเลข 1 เขตเลือกตั้งที่ 7  สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ทายาทตระกูลนักการเมือง  กระโดดลงเวทีการเมืองระดับชาติเพราะต้องการพัฒนาพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ 

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

        “ดิฉันทำงานการเมืองมาตั้งแต่ปี 2551 ตั้งแต่อายุ 25 ปี นานถึง 10 ปี แล้ว เป็นสมาชิกสภาจังหวัดสมุทรปราการ มา 2 สมัย และเข้าสู่การเมืองระดับชาติลงสมัคร ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ อ.พระสมทุรเจดีย์ และ อ. พระประแดง (เฉพาะ ต.บางจาก) ” เธอเริ่มเล่าให้ฟัง และแม้ว่าจะลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรก แต่เธอก็มั่นใจว่าจะได้รับเลือกตั้ง เพราะเป็นคนพื้นที่ และตระกูล“เทียนสุวรรณ” มีฐานการเมืองมาตั้งแต่รุ่นพ่อ พี่สาว พี่ชาย ก็ทำงานทางการเมืองมาโดยตลอด หากนับถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง 50ปี ทีเดียว

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

        แม้ว่า “ไพลิน” ปีนี้อายุ 37 ปี แต่เธอ บอกว่าเธอเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะว่าเข้าสู่การเมืองเพื่อการพัฒนา และต้องการทำให้พื้นที่ของเธอไม่มีการแบ่งฝ่าย  

       “ที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เพราะต้องการเป็นนักพัฒนา ไม่ใช่อยากเป็นนักการเมืองหรืออยากเป็น ส.ส. แต่เราต้องการพัฒนาบ้านเกิด ตอนที่ดิฉันเป็น สจ.  ได้ผลักดันงบประมาณลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 300-400 ล้าน แต่ดิฉันเห็นว่า หากยังเป็น สจ. ต่อไป ด้วยกรอบการทำงาน ทำได้แค่นี้ ไม่สามารถพัฒนาบูรณาการได้มากกว่านี้ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เพราะหากเรามีโอกาสได้เข้าสู่สภาใหญ่ ก็สามารถดึงงบประมาณจากส่วนกลางและประสานจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ทำงานร่วมกันในการนำงบประมาณมาลงพื้นที่ของเรา ”

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

      เธอ มองว่า   อ.พระสมุทรเจดีย์  ยังขาดการพัฒนาอีกมากในเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า ประปา ยังบูรณาการไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่   การขยายเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ในพื้นที่พระสมุทรเจดีย์งหากทำได้ อ. พระสมุทรเจดีย์ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นหน้าตาของจังหวัดสมุทรปราการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะรองรับคนเมืองซึ่งอยู่ฝั่งธนบุรีมาเที่ยว 

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

    "  เราอยากทำถนนเลียบชายฝั่งศรีสมุทร ซึ่งอยู่ปากอ่าว  นอกจากทำเป็นเขื่อนชะลอการกัดเซาะชายฝั่งแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและยังเป็นจุดแลนด์มาร์คของจังหวัดสมุทรปราการ ดิฉันเห็นว่าถ้ายังเป็น แค่ สจ. ไม่สามาถทำเมกะโปรเจกต์ ตรงนี้ได้   ซึ่งโครงการทำถนนเลียบชายฝั่งจะทำเป็นเขื่อนก็ได้ ซึ่งจะเป็นกำแพงให้กับคน กทม. วันนี้เราไม่รับการดูแลอย่างจริงจังจากภาครัฐที่จะมาดูแลโครงการใหญ่ให้กับคนในพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์  ตอนนี้พื้นที่ในตำบลแหลมฟ้าผ่า ถูกน้ำทะเลกัดเซาะไม่ต่ำกว่าพันไร่ และถ้าปล่อยให้น้ำทะเลกัดเซาะอย่างนี้ไปเรื่อยๆ 10-20 ปี ข้างหน้าลูกหลานของเราจะอยู่อย่างไร พื้นที่ตรงนี้จมลงไปกับทะเลทุกวัน ทุกเดืิอน  ทุกปี กลายเป็นบาดาลแน่นอน  และการทำโครงการลักษณะนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ชาวพระสมุทรเจดีย์ แต่เป็นการทำให้กับคนทั้งประเทศ เพราะว่าเป็นกำแพงหน้าด่านของปากอ่าวไทย อยู่ใกล้กรุงเทพ มิเช่นนั้นน้ำจะท่วมไปหมด ที่ผ่านเราได้แค่งบประมาณ ปักเสาไม้ไผ่ชะลอคลื่นเท่านั้นเอง เราไม่มีเขื่อนเลย ซึ่งภายใน 1-2 ปี เสาไม้ไผ่ก็พังหมดแล้ว เพราะคลื่นแรงมาก ได้แค่ชะลอแต่ไม่สามารถป้องกัน ถ้ารัฐบาลไม่มีเมกะโปรเจกต์ลงมา  ภายใน 10-20 ปี น้ำท่วม กทม.แน่นอน ดังนั้นเราในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ ไม่ได้มองในเรื่องการเมืองเป็นที่ตั้ง แต่ต้องการเข้ามาพัฒนาพื้นที่"  

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด     

       นอกจากนี้ เธออยากให้รถไฟฟ้าขยายต่อมาถึงฝั่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อช่วยลดปัญหาจราจร แก้ปัญหารถติด ทำให้คนไม่ต้องเอารถยนต์ออกมาวิ่งกันมาก ถ้ามีรถไฟฟ้าฝั่งธนบุรีเชื่อมต่อกับ อ.พระประแดง

       “อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านของเรากำลังประสบปัญหากับกฎระเบียบไม่ให้ทำกิน ถ้าดิฉันได้เป็น ส.ส. ก็ร้องขอให้ปลดล็อกบางอย่างให้ชาวบ้านมีอาชีพทำกินได้ กางโพงพางได้”

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

      “ไพลิน” ยังได้เล่าถึงการลงพื้นที่หาเสียงว่า ได้รับการตอบรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดีเพราะเธอเป็นคนในพื้นที่ และปฏิเสธไม่ไ่ด้ว่ากำลังแข่งกับผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย คือ นางนันทวรรณ ซึ่งนายประชา ประสพดี สามีนางนันทวรรณ  เป็น ส.ส. เจ้าของพื้นที่เดิม 

        "ถามว่าวันนี้ดิฉัน มีความกังวลหรือความกลัวหรือไม่ บอกได้เลยว่าไม่มีเลยเพราะตอนนี้เราแข่งกับตัวเองและเราก็มีฐานเสียงตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว และเป็นเพราะ"ไพลิน"ด้วย หมายความว่า เรา เป็นคนทำงานมาตั้งแต่เป็น สจ. 2 สมัย เราหาเสียงเดินหน้าที่ตัวบุุคคลเพราะ มั่นใจในสิ่งที่ทำมาตลอด 10 ปี และไม่มีเรื่องด่างพร้อย ไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชัน ไม่มีเรื่องเกเรไปทำอะไรใคร เรามีแต่ให้ จึงไม่มีความกลัวในหัวใจในการลงแข่งขันกับคู่แข่ง  เรากำลังแข่งขันกับตัวเองในช่วงโค้งสุดท้ายว่าจะตีคะแนนให้เป็นของเราได้มากแคไหน เราหาเสียงแบบไม่โจมตี ไม่ใส่ร้ายป้ายสี การใส่ร้ายป้ายสีไม่ใช่วิถีการเมืองในปัจจุบัน ต้องโชว์ความสามารถตัวเองออกมาว่าทำอะไรให้ประชาชนและต้องเป็นปากเสียงให้กับชาวบ้านในสภาผู้แทนฯ

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

        และเหตุผลที่เธอลงสมัคร ส.ส. ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น เพราะเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และมีความพร้อมในการทำงานทางการเมืองอีกทั้งมีแนวทางทำงานทางการเมืองที่ชัดเจน และรวมทุกสีอยู่ร่วมกัน เป็นมิติการทำงานว่าทุกคนต้องยอมถอยบ้างเพื่อที่จะปรองดองให้ได้ 

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

       "ดิฉันในฐานะคนรุ่นใหม่ ไม่ปรารถนาให้มีการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะทุกคนบอบช้ำมามากแล้ว และพรรคพลังประชารัฐ ชูเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งจึงโดนใจในฐานะคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องการเห็นการทะเลาะกัน และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐพร้อมทำงานเพื่อชาติ ทุกคนยอมถอย เดินออกจากบ้านหลังเก่ามาทำงานที่บ้านหลังใหม่ ทำให้ดิฉันเชื่อว่าพรรคมีอุดมการณ์ในการทำงานทางการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ 

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

        และในภาพกว้าง เธอมองว่า ปัญหาของประเทศ ในขณะนี้้้ ก็คือ เรื่องปากท้องของประชาชน การทำกิน ความยากจน ความเหลื่อมล้ำในสังคมที่กำลังเผชิญในปัจจุบัน  เธอจึงเห็นด้วยกับการที่พรรคพลังประชารัฐเพิ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ประชาชนที่เป็นฐานรากอยู่ได้

 ไพลิน เทียนสุวรรณ ลงสู้สนามฯระดับชาติเพื่อพัฒนาบ้านเกิด