ไต้หวันเล็งเพิ่มโทษเมาแล้วขับชนคนตายถึงขั้นประหาร
กลุ่มสิทธิมนุษยชนฮือต้านทันที ทางการไต้หวันมีแผนปรับแก้กฎหมายลงโทษฐานเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม คณะรัฐมนตรีไต้หวันอนุมัติร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา กำหนดความผิดฐานเมาแล้วขับ เป็นคดีฆาตกรรมอุกฉกรรจ์ อาจมีโทษถึงประหารชีวิต หากเป็นการกระทำที่วินิจฉัยแล้วว่าเจตนา
การแก้ไขร่างกฎหมายที่ยังจะต้องผ่านการอนุมัติจากสภา มีขึ้นหลังมีผู้เสียชีวิตจากเมาแล้วขับเป็นคดีดังหลายราย จุดกระแสโกรธแค้นในสังคม
ปัจจุบัน โทษสูงสุดจากความผิดเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต คือจำคุก 10 ปี
ข้อเสนอใหม่ จะเพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำภายใน 5 ปีนับจากถูกพิพากษาครั้งแรก หากเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อาจถูกจำคุกตลอดชีวิต และ 12 ปีหากเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บร้ายแรง
กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน แถลงว่า คดีเมาแล้วขับเป็นเหตุสูญเสียในชีวิต เพิ่มขึ้นมาก ผู้ขับขี่ในอาการมึนเมาก่ออุบัติเหตุทำลายชีวิตและครอบครัวผู้อื่น เป็นความเสียใจที่ไม่อาจเยียวยา
เหตุเมาแล้วขับที่เป็นคดีครึกโครมในไต้หวัน เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ชายวัย 40 ปี ขับรถแวนพุ่งชนแท็กซี่ขณะมึนเมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีก 3 คนรวมถึงคนขับ
ปัจจุบัน มีไม่กี่ประเทศในโลกที่ใช้โทษประหารในคดีเมาแล้วขับ
องค์กรสิทธิมนุษยชนไต้หวัน รวมถึงสมาคมสิทธิมนุษยชนไต้หวัน ออกแถลงการณ์ร่วม วิจารณ์ร่างแก้ไขกฎหมายอาญา โดยยกเหตุผลว่า ไม่มีหลักฐานและงานวิจัยที่ยืนยันว่ากฎหมายและการลงโทษสถานหนักขนาดนี้แล้ว จะช่วยป้องกันเมาแล้วขับได้
ไต้หวันกลับมาใช้โทษประหารชีวิตในปี 2553 หลังระงับไปนาน 5 ปี ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากกลุ่มสิทธิในและต่างประเทศให้ยกเลิก แต่ผลสำรวจหลายครั้งในรอบหลายปี พบว่าชาวไต้หวันส่วนใหญ่ยังต้องการให้คงโทษนี้ไว้
การประหารหลังสุด เป็นนักโทษก่อเหตุฆาตกรรมอดีตภรรยาและลูกสาว เมื่อกันยายนปีที่แล้ว และเป็นการประหารครั้งแรกนับจากประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน
รับตำแหน่งในปี 2559