ข่าว

เตือน AI กำลังพัฒนาความสามารถ 'เกินกว่ามนุษย์'

เตือน AI กำลังพัฒนาความสามารถ 'เกินกว่ามนุษย์'

25 พ.ค. 2562

'นายกฯนักประดิษฐ์' เตือน AI กำลังจะพัฒนาให้มีความสามารถ 'เกินกว่ามนุษย์' วอนหาวิธีการควบคุม

 

‘นายกฯนักประดิษฐ์’ เตือน AI กำลังจะพัฒนาให้มีความสามารถ ‘เกินกว่ามนุษย์’ วอนหาวิธีการควบคุมก่อนจะเกิด ‘นักฆ่าแห่ง AI’ ทำลายชีวิตมนุษย์เป็นจำนวนมาก


          วันที่ 25 พ.ค. 62 - นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นการพัฒนา ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตมนุษย์ ว่า ปัญญาประดิษฐ์ คือการสร้างความฉลาดให้กับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อให้สามารถคิด ทำงาน และเรียนรู้ได้เอง โดยมีจุดประสงค์หลักก็ทำเพื่อให้มันสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้

   

          ซึ่งมีการแบ่งหรือจำแนก AI ออกมาเป็น 3 แบบ คือ Weak AI ซึ่งเป็น AI ที่มีระดับระดับสติปัญญาที่มีความสามารถในการทำงานได้ในเรื่องแคบๆอยู่ในวงจำกัด เรื่องใดเรื่องหนึ่ง Strong AI ซึ่งมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ โดยจะมีความสามารถในการเรียนรู้ วางแผน การแก้ปัญหา รู้จักคิดในเชิงนามธรรม มีความคิดที่สลับซับซ้อน และระดับ ซุปเปอร์ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะฉลาดและมีปัญญามากกว่าสมองมนุษย์ที่ดีที่สุดในทุกๆด้าน รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์ในทางวิทยาศาสตร์ เรื่องทั่วๆไปแม้กระทั่งความสามารถในการเข้าสังคม ซึ่ง AI 2 แบบหลังนี้ ตนเห็นว่า จะสร้างปัญหาให้กับมนุษย์โดยส่วนรวม เนื่องจาก ขณะนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์ เริ่มพัฒนาไปไกลถึงขนาดที่ว่า มีการประดิษฐ์หุ่นยนต์ AI และพูดคุยกับระบบปัญญาประดิษฐ์ด้วยกันเอง เข้าใจกันเอง โดยที่ใช้ภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้นมากันเอง เพราะจากเดิมที่มนุษย์เป็นคนสอน AI ตอนนี้ AI ก็สอนก็เรียนรู้กันเองได้ และในอนาคต AI อาจจะเก่งถึงขั้นมีจินตนาการและมีความรู้สึกนึกคิดได้เหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กระทบกับคนไทยไร้ฝีมือแรงงาน มีความสามารถน้อยกว่า AI จะต้องตกงานอีกมาก ในอนาคตอันใกล้นี้

 

         “ต้องยอมรับว่าระบบ AI สร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์ไม่น้อย หลายอุตสาหกรรมใหญ่ในโลกต้องพึ่งพาระบบ AI ทั้งนี้ สตีเฟ่น ฮอวค์คิ่ง นักวิทยาศาสตร์ของโลก เคยคาดการณ์ไว้ว่าวันหนึ่งในอนาคต หรือ AI จะเข้ามามีบทบาทกับคนทั้งโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันคือสิ่งประดิษฐ์ที่สุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ แต่เมื่อถึงยุคนึงมนุษยชาติอาจจะถึงจุดจบ เหตุผลเพราะ เมื่อ AI เหล่านี้ถูกพัฒนาไปจนถึงขีดสุด มันจะไม่ต้องพึ่งพามนุษย์อีกต่อไป ซึ่งจะถือเป็นอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าผลกระทบจากอาวุธนิวเคลียร์ ดังเช่น อีลอน มัสก์ นักประดิษฐ์นวัตกรรมชื่อก้องโลก ได้กล่าวเอาไว้” นายภณวัชร์นันท์ กล่าว           

 

         นายภณวัชร์นันท์ กล่าวด้วยว่า หากปล่อยให้มันพัฒนาภาษาของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนมนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้ อาจนำไปสู่จุดที่มันจะขัดคำสั่งมนุษย์ได้ในที่สุด และเกิดทำร้ายมนุษย์  เพราะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในการทำงาน ไม่ได้มีการใส่จิตใจลงไปในนั้น สิ่งเหล่านี้มีหลายชาติยังมีการพัฒนาต่อเนื่อง และประเทศของเราผู้บริหารระดับสูงยังไม่ศึกษาแต่กลับกลัวว่าตนเองไม่ทันสมัย เพราะฉะนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่มนุษย์ด้วยกันยังควบคุมคุมกันไม่ได้ แล้วมนุษย์จะควบคุมหุ่นยนต์อัจฉริยะได้อย่างไร

 

          “เหรียญมี 2 ด้าน ปัญญาประดิษฐ์ก็เหมือนกัน ซึ่งอาจพัฒนาความรู้แบบก้าวกระโดดสามารถสร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้แก่มวลมนุษยชาติ หรืออาจเป็นภัยที่คุกคามสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เพราะฉะนั้นมนุษย์เราน่าจะเรียนรู้ ปรับตัว มีการระดมความคิดจากภาคส่วนต่างๆ ทั่วโลก เพื่อควบคุม วางแผน และออกแบบให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับ AI ได้อย่างสมดุลและสร้างสรรค์ แล้วนำความรู้ต่างๆ ที่เกิดจากพัฒนาการความารถของ AI กลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์เอง ดังนั้น ผมอยากให้มอง AI เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่มาพร้อมกับอันตราย เนื่องจาก วันนี้ AI คือหุ่นยนต์ยังไม่มีความอยากเป็นของตัวเอง แค่ปฏิบัติตามคำสั่งของมนุษย์ แต่ถ้าวันหนึ่งมนุษย์สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถมีอารมณ์และความอยากทำลายล้างมนุษย์ มันก็อาจจะเป็นภัยร้ายของเราก็ได้ สำหรับประเทศไทย ควรมีกฎหมายห้ามพัฒนา หุ่นยนต์เพชฌฆาต และการพัฒนาควรมีกฎหมายควบคุมไม่ใช่ปล่อยอิสระ เพราะหากการพัฒนาและเกิดความผิดพลาด นักฆ่าแห่ง AI  จะปรากฎตัวขึ้นพร้อมความตายที่มีจำนวนมาก” นายภณวัชร์นันท์ กล่าว.