"แอปเปิลคือครูของผม"ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยค้านแอนตี้ไอโฟน
"เหริน เจิ้งเฟย" บอกจะต้านหัวชนฝาหากแอปเปิลตกเป็นเป้าเอาคืนสหรัฐ ในสงครามการค้า
ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย นายเหริน เจิ้งเฟย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อวานนี้ ( 26 พ.ค.) ว่าการปิดกั้นหัวเว่ย ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเพราะยักษ์ใหญ่สื่อสารโทรคมนาคมจีน กำลังล้ำหน้ากว่าคู่แข่ง กระนั้น เขาจะไม่ยินดีกับการตอบโต้รัฐบาลวอชิงตันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันโดยเล็งเป้าไปที่แอปเปิล แม้ว่าแอปเปิลเป็นคู่แข่งหลักในตลาดสมาร์ทโฟน ของหัวเว่ยก็ตาม
“แอปเปิลคือครูของผม แอปเปิลล้ำหน้ากว่าเรามาก ในฐานะศิษย์ ผมจะคัดค้านครูด้วยเหตุใดกัน ผมจะไม่มีวันทำอย่างแน่นอน” เจิ้งเฟยกล่าว
เขาไม่แน่ใจว่ารัฐบาลปักกิ่งจะดึงเอาบริษัทสหรัฐแห่งนี้มาอยู่ในศึกการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ด้วยหรือไม่ เขาหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นคนแรกที่จะออกมาประท้วง
“แอปเปิลเป็นบริษัทชั้นนำของโลก หากไม่มีแอปเปิล ก็คงไม่มีอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่”
สื่อทางการจีนรายงานก่อนหน้านี้ว่า บนสื่อสังคมออนไลน์ มีการณรงค์ให้ผู้บริโภคแดนมังกร ทิ้งไอโฟน สมาร์ทโฟนของแอปเปิล หันมาอุดหนุนอุปกรณ์ของหัวเว่ยที่ผลิตในประเทศ เพื่อตอบโต้สหรัฐ
อย่างไรก็ดี เหริน เจิ้งเฟย ปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า ความสำเร็จของหัวเว่ยในวันนี้ เกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีขโมยจากสหรัฐ โดยเขากล่าวว่า น่าจะเป็นพวกเขามากกว่าที่ขโมยเทคโนโลยีของเรา และเชื่อว่าความเหนือกว่าด้านเทคโนโลยีของหัวเว่ยคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สกัดหัวเว่ยจากตลาดอเมริกัน
“หากบริษัทบางส่วนไม่อยากทำงานกับเรา คงเหมือนกับมีรูในเครื่องบิน และเราก็กำลังซ่อมแซมรูนั้น แต่เครื่องบินยังสามารถเหินฟ้าได้” ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยกล่าวเปรียบเทียบก่อนระบุว่า หัวเว่ยจะใช้ชิพที่ผลิตมากขึ้น แทนซื้อจากสหรัฐ
ทั้งนี้นอกจากสกัดหัวเว่ยทำธุรกิจในบ้านแล้ว สหรัฐยังพยายามรณรงค์กดดันพันธมิตรในยุโรปและเอเชียให้ตัดสัมพันธ์กับเจ้าเทคโนโลยี 5จี จากจีนรายนี้ โดยอ้างความเสี่ยงถูกสอดแนม แต่ส่วนใหญ่ในยุโรปยังไม่ยอมทำตามหากไม่มีหลักฐานยืนยัน เหริน เจิ้งเฟย กล่าวว่า สหรัฐจัดการบริษัทในประเทศตัวเองได้ แต่ไม่ใช่ตำรวจโลก จะไปจัดการทั้งโลกคงไม่ได้ ทั้งกล่าวด้วยว่า ต่อให้สหรัฐต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ของเราในอนาคต หัวเว่ยอาจจะไม่ขายให้