ข่าว

'พัด สุภาภา'ขาใหญ่เกาะกงตัวเชื่อม'แม้ว+ฮุนเซน'

'พัด สุภาภา'ขาใหญ่เกาะกงตัวเชื่อม'แม้ว+ฮุนเซน'

20 พ.ย. 2552

คนไทยจำนวนไม่น้อยคงสงสัยว่านักธุรกิจเขมรที่ชื่อ พัดสุภาภา ที่ไปร่วมคณะต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ที่ปรึกษานายกฯ และรัฐบาลกัมพูชา ขณะเดินทางถึงสนามบินพนมเปญเป็นใคร และสำคัญอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

หลายคนรู้จักนายพัดหรือ "เสี่ยพัด" ในนามเจ้าอาณาจักรเกาะกงและนักธุรกิจผู้ผูกขาดสารพัดสัมปทานในกัมพูชา ซึ่งใกล้ชิดกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือพัดสุภาภา หรือ ลียง พัด คนนี้นี่เองที่เป็นตัวเชื่อมพ.ต.ท.ทักษิณ กับ สมเด็จฮุน เซน ให้แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันจนสามารถผสมข้ามพันธุ์กลายเป็นแฝดเขมร "ฮุนษิณ" ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ค่อนไปในทางเสื่อมทรามด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะข่าวนักธุรกิจโทรคมนาคมไทยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ "ปฏิวัติที่ล้มเหลว" ในกัมพูชาเมื่อปี2537 รวมทั้งเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยในพนมเปญเมื่อปี 2546

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นก็คงต้องมาทำความรู้จักกันเสียก่อนว่าเส้นทางเดินของเสี่ยพัดเป็นเช่นไร และก้าวเข้าไปเป็นตัวเชื่อมระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ สมเด็จฮุน เซน ได้อย่างไร

เสี่ยพัดซึ่งวันนี้มีอายุ 52 ปี ลืมตาดูโลกที่ จ.เกาะกง แต่เมื่อเกิดสงครามเขมร 3 ฝ่าย ด.ช.พัด ก็หนีไฟสงครามเข้ามาอยู่กับญาติ และเรียนหนังสือที่ จ.ตราด ของไทย โดยได้รับ "สัญชาติไทย" และใช้นามสกุล สุภาภา ตามญาติพี่น้อง

เมื่อไฟสงครามดับลงนายพัดก็กลับเข้าไปทำมาค้าขายที่ จ.เกาะกง โดยจับธุรกิจขายเครื่องยนต์มือสองจากญี่ปุ่น

ว่ากันว่าผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของเขาก็คือ ผู้สนับสนุนหลักรายหนึ่งของ นายฮุนเซน ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา และต่อมาก็ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้สำเร็จ

หลังจากฮุน เซน ก้าวขึ้นมามีอำนาจสูงสุดในกัมพูชา "นายพัด" ก็กลายเป็น "เสี่ยพัด" ในพริบตา !!

เสี่ยพัดสยายปีกธุรกิจครอบคลุมเกาะกงโดยได้รับโอนธุรกิจนำเข้าบุหรี่และสุราต่างประเทศ จากนั้นก็ได้รับสัมปทาน "บ่อนกาสิโน" รวมทั้งธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท และดิวตี้ฟรี บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่

เสี่ยพัดยังเป็นผู้ได้รับสัมปทาน"จำหน่ายไฟฟ้า" แต่เพียงผู้เดียวในกัมพูชา โดยซื้อไฟฟ้ามาจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

ต่อมาเขายังสยายปีกทางธุรกิจไปยังพื้นที่อื่นเช่น บ่อนกาสิโนที่ปอยเปต ตรงข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สะแก้ว แต่ได้ขายหุ้นให้กลุ่มทุนไทยในเวลาต่อมา

ส่วนบ่อนกาสิโนที่ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของเขาในปัจจุบันคือบ่อนกาสิโนที่อัลลองเวง จ.เสียมราฐ ด้านตรงข้ามช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะพัฒนาธุรกิจสนามกอล์ฟ และการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่มุ่งสู่ "นครวัด" ด้วย

โดยมีถนนสาย"ช่องจอม-โอร์เสม็ด" ที่รัฐบาลไทยสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ อนุมัติงบให้นับพันล้านบาทเป็นใบเบิกทางสำคัญ

กระนั้นฐานที่มั่นทางธุรกิจในปัจจุบันของเสี่ยพัดก็ยังคงเป็นเกาะกงเช่นเดิมเช่น การลงทุน 300 ล้านบาท สร้างถนนคอนกรีต 4 เลนข้ามแม่น้ำครางครืน โดยได้รับผลตอบแทนเป็นค่าผ่านสะพาน

อีกธุรกิจที่ได้รับความชื่นชมจากคนเขมรมากคือเกาะกงซาฟารีเวิลด์ ที่คล้ายๆ กับซาฟารีเวิลด์ในไทย แต่ธุรกิจที่จะทำเงินให้อย่างมหาศาลในอนาคตคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

โดยเฉพาะพื้นที่"นิคมอุตสาหกรรม" ที่มีเนื้อที่มากกว่า 2,000 ไร่ ซึ่งมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งกลุ่มทุนนอกสนใจทำธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือกาสิโนคอมเพล็กซ์

เสี่ยพัดยังมีธุรกิจอื่นๆอีกมากที่จาระไนไม่หมด เช่น ธุรกิจ "โรงงานน้ำตาล" ที่จับมือกับทุนน้ำเมาไทยมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท หรือสัมปทาน "ขุดทราย" ในแม่น้ำครางครืนเพื่อรองรับการสร้างบ้านแปงเมืองขนานใหญ่

ขณะที่ธุรกิจนำเข้าสินค้าเช่น บุหรี่ สุรา และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เขาก็ได้รวบรวมเป็นกลุ่มธุรกิจ LYP GROUP (LEE YONG PAT GROUP) ที่มีวงเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี

ในเมื่อมีขุมข่ายทางธุรกิจมหาศาลเช่นนี้จึงไม่แปลกที่เขาจะถูกตามจีบจากลุ่มทุนนานาชาติ รวมทั้งกลุ่มทุนไทยด้วย

ทว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รู้จักกับเสี่ยพัดโดยตรงก่อน แต่ได้รับการชักนำจาก "สามีนักการเมืองหญิง" คนหนึ่งในรัฐบาลไทยรักไทย จนนำมาสู่การก่อสร้างถนนสาย 48 ที่เชื่อมโยงกับโครงการลงทุนเกาะกง และการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างลึกซึ้ง

อีกทางหนึ่งก็น่าจับตายิ่งกับปฏิบัติการ"บีบ" บริษัท "สามารถเทเลคอม" ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานโทรคมนาคมอันดับ1 ในกัมพูชา

เชื่อกันว่าปฏิบัติการบีบบริษัทในเครือสามารถครั้งนี้ไม่ได้เป็น"เกมทางการเมือง" เพียงอย่างเดียว แต่น่าจะเป็น "เกมทางธุรกิจ" เพื่อเปิดทางให้บริษัทโทรคมนาคมของไทยอีกบริษัทด้วย

สถานะของเสี่ยพัดในวันนี้จึงเป็นทั้ง"ตัวเชื่อม" ระหว่าง"ทักษิณ+ฮุน เซน" และเป็นหุ้นส่วนสำคัญในโครงการพัฒนาเกาะกง ซึ่งเชื่อว่ากาสิโนคอมเพล็กซ์น่าจะเป็นเพียง "เป้าหลอก" เท่านั้น

"ผมยังไม่ได้พูดคุยกับท่านทักษิณ ชินวัตร อย่างเป็นทางการว่าจะลงทุนในรูปแบบใด และอย่างไร แต่คาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมมือกันได้คงต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันอีกระยะกว่าจะลงตัว

ซึ่งธุรกิจที่จะลงทุนมีทั้งกาสิโนและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ส่วนธุรกิจพลังงานยังไม่ได้พูดคุยกันเลย"

แม้เสี่ยพัดจะชิงปฏิเสธข่าวลือการร่วมลงทุนด้านพลังงานอย่างแข็งขันในระหว่างงานเปิดถนนสาย48 ร่วมกันระหว่าง สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา กับ สมชายวงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯของไทย เมื่อปี 2551

แต่เป้าหมายจริงๆน่าจะเป็น "สัมปทานก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน" ตรงพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาโดยประเมินจากมูลค่าโครงการที่น่าจะสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสอดรับกับโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่น่าจะเอื้อกับธุรกิจพลังงานมากกว่า


ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ประชามติฉบับวันที่ 1-15 มิถุนายน 2551