ข่าว

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดตัว "TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย"

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดตัว "TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย"

26 ก.ค. 2562

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดตัว "TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย"พัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

              กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้        แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ และซันสแนค เปิดตัว โครงการ “TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย” มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อม และชุมชน โดยมุ่งหวังให้ชุมชนได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชน สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดตัว \"TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย\"

 

              นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเผยว่า “น้ำเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญ เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต อีกทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมต่างมีความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้นทุกปี รวมถึงปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประเทศของเรา กลุ่มธุรกิจ TCP เป็นหนึ่งในองค์กรที่ใช้น้ำเป็นวัตถุดิบหลักในการดำเนินธุรกิจ จึงกำหนดให้การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอยู่ในกรอบการทำงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร โครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย จึงเกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในทุกมิติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนให้กับแหล่งน้ำที่หลากหลายเพื่อการอุปโภคบริโภคของชุมชนทั้งน้ำบนดิน และน้ำใต้ดิน ตั้งเป้าภายใน 5 ปี (พ.ศ. 2562 – 2566) จะสามารถพัฒนาแหล่งน้ำให้กับชุมชนได้มีน้ำใช้เพิ่มขึ้นกว่า 12 ล้านลูกบาศก์เมตร”

              โครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ และ สสน. ดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำปราจีน ก่อนขยายไปสู่ลุ่มน้ำอื่นๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำที่หลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำใต้ดิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการสนับสนุนการศึกษาเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดิน และส่งผลให้น้ำผิวดินมีความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย 

     “ถึงแม้ว่าน้ำใต้ดินไม่ได้เป็นแหล่งน้ำในการผลิตของกลุ่มธุรกิจ TCP แต่ด้วย      ความห่วงใยในปัญหาทรัพยากรน้ำในทุกมิติ โครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย จึงได้ทำงานร่วมกับ สถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำใต้ดิน มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ทำการศึกษา วิจัย รวมทั้งประเมินศักยภาพของพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการนำน้ำคืนสู่ชั้นใต้ดิน พร้อมกับให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องน้ำบาดาลอีกด้วย”  

           อย่างไรก็ตาม  ตามแผนการดำเนินงาน 5 ปี ของโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย และพันธมิตร เราคาดว่าจะสามารถช่วยให้ชุมชนในลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำปราจีน กว่า 16,000 ครอบครัว ใน 6 จังหวัด ได้เข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคมากกว่า 12 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือกว่า 3 เท่าของปริมาณน้ำที่กลุ่มธุรกิจ TCP ใช้ในตลอดกระบวนการ และคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับชุมชนจากการมีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ได้สนับสนุนเงินทุนในการดำเนินการไว้ราว 100 ล้านบาท 

              ดร. สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)  (สสน.) กล่าวเสริมว่า “สสน. และโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย สานต่อการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ในการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดความรู้ในการบริหารจัดการ และพัฒนาแหล่งน้ำ โดยนำวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในทุกพื้นที่ที่เราเข้าไป เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างน้ำ และการจัดการน้ำแบบพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนแก่ชุมชน ทั้งนี้จะเริ่มใน 6 จังหวัดจากสองลุ่มน้ำ คือ จังหวัดแพร่ สุโขทัย พิจิตร สระแก้ว ปราจีนบุรี และนครนายก”   

                ดร.โพยม สราภิรมย์ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำใต้ดิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “ปัจจุบันมีการใช้น้ำใต้ดินมากเกินสมดุล ส่งผลกระทบ 2 ด้าน ทั้งเรื่องปัญหาระดับน้ำบาดาลที่ลดต่ำลงไปเรื่อยๆ ทำให้ชุมชนมีต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิม 2-3 เท่าตัวในการสูบน้ำบาดาล เพราะต้องเจาะบ่อให้ลึกกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวเพื่อให้ถึงระดับน้ำใต้ดิน อันกระทบต่อเศรษฐกิจชุมชมโดยตรง จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่สถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำใต้ดิน ได้ทำงานร่วมกับ โครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย เพื่อทำการศึกษาแนวทางจัดการการเติมน้ำใต้ดิน ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ ลดปัญหาภัยแล้ง โดยการกักเก็บน้ำที่มีมากในฤดูฝนไว้ใช้ในฤดูแล้ง และลดการระเหยของน้ำที่กักเก็บไว้ใช้ในฤดูต่างๆ โดยมุ่งหวังให้ผลที่ได้จากการศึกษาจะเป็นองค์ความรู้สำหรับการเติมน้ำในดิน คืนความสมดุลให้กับแหล่งน้ำใต้ดินและยังเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการอนุรักษ์น้ำใต้ดินให้แก่ชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย”

 

        ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของกลุ่มธุรกิจ TCP ได้ที่ www.tcp.com และ https://www.facebook.com/TCPGroupThailand