อัยการ แจงยิบ บทความชูวิทย์ คลาดเคลื่อนพาดพิงว่าที่ อสส.
"รองโฆษกอัยการ" แถลง "ชูวิทย์" ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน นาย ว. นัก ก.ม.กำลังไปใหญ่แจ้งวัฒนะ เอี่ยวสั่งคดีวิคตอเรียซีเครท ยันไม่ใช่ "วงศ์สกุล" ว่าที่ อสส.
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.62 - ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 14.30 น. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณี ปรากฏข่าวเกี่ยวกับการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ กับผู้ต้องหาคดีวิคตอเรียซีเคร็ทในส่วนของนายกำพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ สามี-ภรรยา เจ้าของวิคตอเรียซีเคร็ท ซึ่งพาดพิงทำนองว่า "นาย ว. ซึ่งกำลังจะไปทำงานใหญ่โตแถวถนนแจ้งวัฒนะ" โดย นาย ว. ดังกล่าวหมายถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษและเป็นว่าที่อัยการสูงสุด เข้าไปเกี่ยวข้องการสั่งคดี
โดย นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการ กล่าวว่า ขอชี้แจงข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนต่อช้อเท็จจริง โดย นาย ว. หรือ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และเป็นว่าที่อัยการสูงสุดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดในการดำเนินคดีดังกล่าวเลย เนื่องจากคดีดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดชอบในสำนักงานคดีพิเศษอีกทั้งไม่มีคดีที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคดีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานคดีพิเศษแต่อย่างใด คดีที่กล่าวหานายกำพล, นางนิภา และบริษัท วิคตอเรียซีเคร็ท จำกัดนั้นอยู่ในอำนาจดำเนินคดีของพนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของสำนักงานคดีพิเศษที่นายวงศ์สกุล เป็นอธิบดีอัยการอยู่
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนรายละเอียดคดีที่กล่าวหานายกำพล, นางนิภา และบริษัท วิคตอเรียซีเคร็ท จำกัด กับพวกอีกหลายคนที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ รับผิดชอบอยู่จำนวน 2 เรื่อง และพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องทั้ง 2 คดี แต่นายกำพลได้หลบหนี ขณะนี้ศาลได้ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟ้องภายในอายุความ 20 ปีแล้ว โดยในส่วนผู้ต้องหาอื่นๆ อีกหลายคน พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญาในข้อหาค้ามนุษย์ โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหาและสมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่ 2คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามฯ
รองโฆษกอัยการ กล่าวด้วยว่า ต่อมาทั้ง 2คดี ศาลได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27สิงหาคม 2561และ 24กันยายน 2561 ยกฟ้องจำเลยทุกคนในข้อหาค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหาและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ แต่ให้ลงโทษในข้อหาเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามฯ นอกจากนี้คำพิพากษายังมีการวินิจฉัยด้วยว่านายกำพล และนางนิภา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดที่ศาลลงโทษจำเลยคนอื่นๆ ดังกล่าว
ซึ่งหลังจากศาลมีคำพิพากษาทั้งนายกำพลและนางนิภา ได้ร้องขอความเป็นธรรมขอให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ เพื่อให้ทบทวนคำสั่งโดยส่วนหนึ่งอ้างอิงคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งต่อมาอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือร้องขอความเป็นธรรมฟังขึ้นในส่วนของนางนิภาจึงกลับความเห็น สั่งไม่ฟ้องซึ่งรองอัยการสูงสุดเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้ว เห็นพ้องด้วย โดยไม่แย้งในการกลับคำสั่งดังกล่าว คดีจึงถึงที่สุดตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ในส่วนของนายกำพล อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ยืนยันฟ้องนายกำพลไปตามคำสั่งเดิมทั้ง 2คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามตัวนายกำพลมาให้พนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องภายในอายุความต่อไป
ทั้งนี้ นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ที่ว่าสำนักงานอัยการสูงสุด และนายวงศ์สกุล จะมีการดำเนินคดีกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้เขียนบทความเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งที่อ้างถึง นาย ว. ซึ่งให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือไม่
นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ กล่าวว่า การแถลงข่าวนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่คาดเคลื่อนเพราะถือเป็นความเสียหายร้ายแรง โดยเรื่องทางกฎหมายนั้น "ว่าที่อัยการสูงสุด"ยัง ไม่ได้ประสงค์ที่จะดำเนินการใดๆ ในทางกฎหมาย อย่างไรก็ดีในส่วนของนายชูวิทย์ หากเห็นว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการมานั้นมีข้อผิดพลาด ก็ควรที่จะออกมาดำเนินการใดๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า มีข้อน่าสงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่นายวงศ์สกุล รองโฆษกอัยการ ระบุว่า นายวงษ์สกุลเองก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าเหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่ตน ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจสอบสวนคดีดังกล่าวและไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น
โดยเมื่อถามย้ำถึงการดำเนินคดีกับเสี่ยกำพลและนางวิภา นายประยุทธ ระบุว่า ในส่วนของนายกำพล ก็มีระยะเวลาในการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายในอายุความ 20 ปี ซึ่ง DSI จะเป็นผู้ดำเนินการติดตามตัว หากพบว่ามีได้หลบหนีไปต่างประเทศและมีข้อมูลที่อยู่ในต่างแดน ก็จะต้องประสานมายังสำนักงานอัยการต่างประเทศเพื่อจะดำเนินการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป.