บิ๊กแดงฮึ่ม แก้ ม.1ไม่มีวันแม้ตัวตายยังมีทหารรุ่นใหม่ปกป้อง
"บิ๊กแดง"ลั่น ไฟใต้เริ่มแรงหลังเลือกตั้ง ซัด เวทีสัมนาฝ่ายค้าน ยุ แก้ มาตรา 1 ฮึ่ม ไม่มีวัน บอกแม้ตัวตาย ยังมีทหารรุ่นใหม่ปกป้องด่ากราดนักการเมือง หนักแผ่นดิน
น.ส.จิตตราภรณ์ เสนวงค์
บิ๊กแดง ลั่น ไฟใต้เริ่มแรง หลังเลือกตั้ง ซัด เวทีสัมนาฝ่ายค้าน ยุ แก้ มาตรา 1 ฮึ่ม ไม่มีวัน บอกแม้ตัวตาย ยังมีทหารรุ่นใหม่ปกป้อง ด่ากราด นักการเมือง หนักแผ่นดิน หาเสียง เลิกเกณฑ์ทหาร-จัดงบกองทัพ-โจมตีซื้ออาวุธ กัดกร่อน 3 เสาหลัก นิติบัญญัติ-บริหาร-ตุลาการ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 ต.ค.ที่หอประชุมกิตติขจร ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ได้มีการบรรยายพิเศษโดย พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกให้เกียรติบรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง“แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง “โดยเชิญนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร ผู้นำมวลชนรอบค่าย ศิลปินดารา อาทิ นางสินจัย และนายฉัตรชัย เปล่งพานิช นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ร่วมฟังการบรรยายซึ่งการบรรยายประกอบด้วยภาพและวีดิทัศน์ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรวมถึงการชุมนุม การก่อการร้ายในต่างประเทศ
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองทั้งภายในและนอกประเทศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กองทัพบกในฐานะที่รับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคงของชาติ จึงจำเป็นต้องปรับองค์กรและภารกิจให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
โดยยึดมั่นในการดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในทุกโอกาส ทั้งนี้ อาณาจักรของไทยในอดีตยิ่งใหญ่แต่เราก็เสียดินแดนหลายครั้งให้กับลัทธิผู้ล่าอาณานิคม
ซึ่งล่าสุดเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา ตนจึงมีความรู้สึกห่วงแหนแผ่นดิน
"ในฐานะเด็กคนหนึ่งตั้งแต่ปี 2515 เห็นข่าวเฮลิคอปเอตร์ถูก ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.)ยิงตกที่ จ.ราชบุรีซึ่งฮ.ลำนั้นมีพ่อของตนคือ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ถูกยิง ซึ่งตนก็ถามตัวเองว่าทำไมต้องยิง ฮ. พ่อตนเองด้วย ในเมื่อท่านทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ตามที่นสพ.ไทยรัฐ เสนอข่าวว่ามีผกค.เข้าไปในหมู่บ้านและยิงชาวบ้านเสียชีวิต"
ผบ.ทบ. กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหารประชาชนเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกและแยกกันไม่ได้โดยในช่วงหนึ่งได้ฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 10 แต่งเครื่องแบบทหารร่วมปฏิบัติการปราบผกค.ในยุทธการบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย เมื่อปี 2519 โดยร่วมรบกินนอนกับทหารกระทั่งคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลงจากนั้นคอมมิวนิสต์กลับออกจากป่ากลายมาเป็นนักการเมืองแต่ก็ยังฝังชิพลัทธิคอมมิวนิสต์ในหัวเป็นพวกหัวเดิมๆซึ่งปัจจุบันสงครามมีความซับซ้อนเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง อาทิ ขาดความสามัคคี การก่อการร้าย สงครามการค้าและความขัดแย้งของคนในชาติที่เกิดจากการปลุกปั่นของคนในชาติกันเอง
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เริ่มจาก ปี 2545 ยุคของรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบศูนย์บริหารบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)พร้อมกับประกาศว่า “ไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้วพวกที่เหลือเป็นแค่เพียงโจรกระจอก” ทุกคนที่นั่งตรงนี้จำได้เพราะเกิดทัน
หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเริ่มยุทธการใบไม้ร่วง ลอบยิง วางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เป็นเป้าหมายหลัก และมีการก่อเหตุหลายครั้ง
"และที่สะเทือนใจทหารคือ 4 ม.ค.2547 เหตุการณ์ปล้นปืน 431 กระบอก ที่กองพันพัฒนาที่4 เจาะไอร้อง นราธิวาส
ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรุนแรงรอบใหม่ หลังจากนั้นรัฐบาลสั่งให้กองทัพบกจัดหน่วยทหารเฉพาะกิจจากกรมทหารราบ
กองทัพภาคที่1 ,2 และกองทัพภาคที่3 ลงไปดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐน้อมนำประราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นไฟส่องทาง และ ในปี 2557 ยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ภาคใต้เริ่มดีขึ้น รัฐบาลสั่งลดกำลังทหารทยอยออกจากพื้นที่ทั้งหมด เหลือแต่ทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4"
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในส่วนตนนั้นมีความโชคดีเคยปฏิบัติงานใน3จังหวัดชายแดนใต้ 1 ปี 2 เดือน กับกำลังพลที่ร่วมปฏิบัติการด้วยกัน และโชคดีที่ได้กลับมาบ้าน แต่ผู้บังคับบัญชาที่เป็นรุ่นพี่ หรือผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นรุ่นน้องตน กำลังพลคนอื่นไม่ได้กลับมาเห็นหน้าครอบครัว และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เช่น พ.อ.สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี หรือผู้การเขียว ครูจูหลิง หมวดตี้ ผู้กองแคน จ่าเพียร สมหมาย นายะ โก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เป็นต้น
จะมีใครเข้าใจปัญหาได้ดี เข้าใจหัวใจของคนที่เคยอยู่ในภาคใต้ ได้เท่าคนปฏิบัติงาน
ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า ที่สำคัญการต่อสู้ในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าไหนคือประชาชนหรือผู้ก่อการร้าย เพราะแต่งตัวเหมือนกัน ความกดดันจึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ซึ่งผู้ที่ต้องการโจมตีหน่วยงานความมั่นและรัฐบาลพยายามสร้างตัวเลขให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่ได้แยกว่าเป็นการเสียชีวิตจากเรื่องของความมั่นคง หรืออาชญากรรมเช่นเดียวกับกรณีของกทม. ที่มีคนเสียชีวิตจากอาชญากรรมจำนวนเท่าไหร่ถือว่าเป็นการสร้างภาพให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้น่ากลัว
“ไม่ใช่ว่ามาบอกว่าตายเป็นแสน แต่ไม่เคยสามารถแก้ปัญหาได้ประชาชนบาดเจ็บเท่าไหร่ ตายเท่าไหร่รัฐไม่เคยแก้ปัญหาได้ นี่คือการพูดแบบนักการเมือง พูดแบบผู้ที่มีประโยชน์แอบแฝง เหตุการณ์ 3 จชต.เบาบางไปมากแล้ว แต่จะเริ่มหนักขึ้นหลังเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค.2562 เมื่อช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีคนเข้ามาลอบวางระเบิดในกทม. 8 จุด ผมบอกได้เลยว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ รวมถึงตัวผมจะไม่วางมือโดยเด็ดขาด ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เชื่อมโยงกับใคร ผมจะไม่มีวันวางมือ เอาคนจากข้างล่างไปว่างแผนฝั่งโน้น และมาทำในเขต กทม.หลังมีการเลือกตั้งไม่กี่เดือน หลังจากนั้นมีคนหนึ่งกลุ่มลงไปนั่งเสวนานักวิชาการ อาจารย์บางคน นั่งเทียน ไถ่โทรศัพท์มือถือแล้วบอกว่าเชี่ยวชาญชำนาญในภาคใต้ ต้องแก้ปัญหาแบบนี้
มีการยกประเด็นมาตรา 1 ในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ”
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ว่า รัฐธรรมนูญไทย เริ่มต้นเมื่อปี 2475 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง ในวันนี้ที่ตนออกมาพูด
"ขอย้ำว่าผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรา 1 เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวกับเลือดเนื้อชีวิตของบรรพบุรุษที่รักษาขวานทองไว้ ตนบอกได้เลยว่าไม่มีวัน ถึงผมตายไปทหารรุ่นใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาทดแทน และผมเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงทุกคนและประชาชนที่รู้ว่าบรรพบุรุษซึ่งอาจจะเคยร่วมเป็นทหารเพื่อรักษาแผ่นดินของเราไว้ ในโลกนี้ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนของประเทศใด ที่สามารถแบ่งแยกดินแดนได้ ไม่มี มันจบแล้วครับ เพราะฉะนั้นจะแก้มาตราใดก็แก้ ถ้าแก้มาตราที่ 1ก็จะกระทบกับมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของพวกนักวิชาการ ที่ไม่พูดตรงๆออกมา ว่าอยากทำอะไร อยากแก้อะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 เพื่อให้กระทบมาตราอื่น ผมย้ำว่าไม่ได้มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ยุ่งกับการเมืองแต่นี่ คือ เรื่องของฝ่ายความมั่นคง” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ทหารเป็นเป้าถูกโจมตีมาตลอด ทุกยุค ทุกสมัย ขอให้จำไว้ทหารทุกคนไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ทหาร พลเรือน ผู้ชายหรือ ผู้หญิง พวกตนก็รับใช้ ทำงานให้ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือเลือกนาย แต่กลุ่มคนพวกนี้รู้ดีไม่ได้มองทหารปกป้องรัฐธรรมนูญหรือประเทศชาติ แต่มองทหารเป็นอุปสรรคประชาธิปไตย ทั้งๆที่ทหารก็คือประชาชนเหมือนกัน จึงมีความพยายามโจมตีทหาร เพราะทหารคือเสาหลักความมั่นคง ป้องกันอธิปไตย จึงมีวาทะกรรมขึ้นทุกครั้งมาหวังผลทางการเมือง
“เอาใจน้องๆวัยรุ่น ไม่ต้องเกณฑ์ทหารบ้างละ ลดงบประมาณกองทัพบก งบประมาณกระทรวงกลาโหม จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน ประเทศไทย เปรียบเหมือนบ้านหลังใหญ่ เหนือหลังคาขึ้นไปคือสถาบันพระมหากษัตริย์”
ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวยืนยันว่าคนไทยทุกคน เป็นเจ้าของ 3 เสาหลักของประเทศไทย คือ 1.อำนาจนิติบัญญัติ ในการออกกฎหมายที่มาจาก ส.ส. เลือกกันมา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2.อำนาจบริหารซึ่งอยู่ที่คณะรัฐมนตรีข้าราชการ ในการบริหารประเทศ 3.อำนาจตุลาการซึ่งสำคัญสุดเนื่องจากอำนาจตุลาการหรืออำนาจศาล มีความพยายามทุกรูปแบบ ทำให้อำนาจตุลาการขาดความน่าเชื่อถือ ตนถามว่าการไม่เชื่อฟังหรือหลีกเลี่ยงอำนาจการตัดสินของศาล ในขณะที่ประเทศทั่วโลกมีศาลและกระบวนการยุติธรรม ส่วนประเทศไทยมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ศาลคดีนักการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ
“ผมจำได้ว่า ประมาณปี 45-46 ได้เข้าไปติดตามสถานการณ์ ไปฟังการตัดสินการยุบพรรคการเมือง และหลังมีการตัดสินยุบพรรคการเมืองหนึ่ง เริ่มมีความไม่พอใจแสดงออกในรูปแบบต่างๆ พยายามแทรกแซงผู้พิพากษาทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
บางคนถูกตัดสินแต่ไม่อยู่ยอมรับผิด เงินซื้ออะไรก็ได้แต่เงินซื้อความยุติธรรมในประเทศไทยไม่ได้ ถ้าเราไม่นึกถึงอำนาจศาลตุลาการก็จะมีโจรทั่วบ้านทั่วเมือง ใครมีเงินทำผิดก็หนีไปต่างประเทศ จะยอมให้ 3 เสาหลักนี้ถูกเซาะกร่อน แล้วบ้านหลังนี้จะอยู่อย่างไร”พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว