ข่าว

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท

23 ต.ค. 2562

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตฯ

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โต้ เจ็ทโด้  โพสต์คลิป พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “กลับรถไม่ดูรถ มาทางตรงเลยน่ะเสี่ย ลงมาด่ากูยับเลย ไม่ตะบันหน้าให้ก็บุญแล้ว”ซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีผู้ชายใส่แว่นลงมาด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ขณะที่ฝ่ายหญิงก็พยายามขอโทษและไกล่เกลี่ย แต่ฝ่ายชายก็ไม่ยอมหยุด และยังด่าไม่เลิก

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท

“ขยะสังคม มึงมีปัญญาขึ้นรถกูมั้ย ถ้าไม่มีก็ไปขอให้คนอื่นมาจ่ายให้กูสิ มึงมีปัญญาซื้อมั้ย มีเงินแสนอยู่เท่าไหร่ มีกี่ล้าน กูมีออมสินอยู่ หนึ่งล้านบาท กูให้มึงดูเลย กูไม่เคยแคร์คนไทย กูดูถูกคนไทยมาตลอด มึงจำคำพูดกูไว้ พวกคนไทยคือพวกชั้นต่ำทั้งประเทศ กูหมิ่นทุกคนแม้กระทั่งนายกฯ มึงอยู่บ้านอะไรอ่ะมีแลนด์แอนด์เฮ้าส์อยู่หรือเปล่า แค่ 5 ล้านเอง ลูกเศรษฐีอะคุณรู้จักเปล่า ขับรถป้ายแดง คุณอายุเท่าไร 20 กว่าหรอ ผม 24 ขับรถป้ายแดงคันละล้านสอง มีทุกอย่างที่คุณไม่มี”

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท

และเมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.30 น ของวันที่ 23 ตุลาคม 2562 เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเอาไว้ว่า "ผมต้องขออภัยพี่น้องชาวไทยด้วยนะครับ ขอโทษพี่ๆน้องๆคนไทยทุกท่านและขอโทษคุณน้องคู่กรณีด้วยครับ และขอโทษที่ผมกล่าวล่วงเกินสถาบันกษัตรย์ ตอนนี้ผมกับน้องเจรจากันเรียบร้อยแล้ว ผมยินดีรับผิดชอบและชดเชยสินไหมน้ำใจให้น้องไปแล้วครับ ผมขอร้องให้จบเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้เถอะครับ ภรรยาผมไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยครับ ผิดที่ผมคนเดียว ผมยอมรับผิดคนเดียว ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ"

ซึ่งทางเพจ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ Royal Thai Embassy, Helsinki โพสต์แจง ตามที่ปรากฏข่าวบนหนังสือพิมพ์และในสื่อออนไลน์ว่า มีบุคคลแสดงพฤติกรรมดูถูก ดูหมิ่นเหยียดหยามคนไทยทั้งประเทศ และถูกระบุว่า เป็นลูกชายของเลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ นั้น
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ขอเรียนว่า ลูกชายของเลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตฯ คนปัจจุบันยังเรียนอยู่เกรด 8 ณ โรงเรียนท้องถิ่นในฟินแลนด์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบทั่วกัน

หนุ่มแว่นหัวร้อน ไม่ใช่ลูกชายของเลขานุการโท

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ
23 ตุลาคม 2562