ข่าว

"กวักมรกต" ไม้ประดับสกุลใหม่ ตอนจบ

"กวักมรกต" ไม้ประดับสกุลใหม่ ตอนจบ

26 ต.ค. 2562

คอลัมน์ - ไม้ใบทำเงิน โดย - อุดม ฐิตวัฒนะสกุล [email protected]

ต่อจากเสาร์ที่แล้ว

               กวักมรกต พืชสกุลใหม่ที่ได้กล่าวไว้ถึงความเป็นพืชที่ปลูกง่าย ขยายพันธุ์ได้ไม่ยากนั้น ตามความเป็นจริงงานทุกสิ่งย่อมมีแนวทางปฏิบัติอันเป็นแนวทางเฉพาะตัว มีความเหมือนหรือแตกต่างกันไปบ้างตามความเหมาะสม โดยเฉพาะข้อมูลถึงแหล่งที่มาของพืชแต่ละชนิด แม้กระทั่งถิ่นฐานกำเนิด สภาพแวดล้อม รวมถึงลักษณะทางกายภาพ และความสามารถในการปรับตัว อันเป็นคุณสมบัติพิเศษที่มีในสิ่งมีชีวิติและในพืชแต่ละสกุลด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญอันได้จากการสังเกตด้วยความตั้งใจหรือพบจากด้วยเหตุบังเอิญก็ตาม จนเกิดเป็นความรู้และประสบการณ์ให้ได้มาใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงเวลาต่อมา

\"กวักมรกต\" ไม้ประดับสกุลใหม่ ตอนจบ

 

             เดิมที ต้นกวักมรกต ที่มีจำหน่ายในระบบการค้าคงยังไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก ชนิดพันธุ์ที่มีให้เห็นโดยส่วนมากจะมีเพียงต้นใบสีเขียวที่เห็นเป็นพันธุ์ปกติทั่วไปเท่านั้น ปริมาณก็ยังมีไม่มากเท่าไร ส่วนการขยายพันธุ์ก็มักใช้วิธีแยกลำต้นที่เป็นหัวอยู่ใต้ดิน หรือใช้วิธีการตัดลำต้นที่โตเหนือวัสดุปลูกเป็นท่อนมาปักชำก็เป็นการขยายเพิ่มจำนวนได้ดี ณ ช่วงเวลานั้น

\"กวักมรกต\" ไม้ประดับสกุลใหม่ ตอนจบ

             ซึ่งในส่วนการขยายพันธุ์วิธีอื่นอีกรูปแบบที่น่าทึ่ง โดยการชำใบนั้นเป็นการพบโดยบังเอิญ เมื่อครั้งที่มีการสอนนักศึกษาฝึกปฏิบัติงานที่สวนเมื่อเกือบราว20ปีที่ผ่านมาถึงขั้นตอนที่มีการตัดลำต้นกวักมรกตให้เป็นท่อนเพื่อการปักชำ และด้วยความไม่พอดีที่โคนก้านของกิ่งปักชำดังกล่าวมีใบติดอยู่ ให้มีความยากที่ต้องปักและกลบในระดับหนึ่ง จึงต้องมีการตัดแต่งใบออกบางส่วนเพื่อเป็นการลดการคายน้ำและง่ายต่อการปักชำ

               ส่วนใบที่ไม่ได้ใช้และต้องเก็บทิ้ง คงมีบางส่วนเหลือตกค้างในพื้นที่ ต่อมาก็มีพัฒนาการเกิดรากใหม่ที่โคนก้านจากใบที่เหลืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และกลายเป็นตุ่มคล้ายกับลำต้นตรงจุดที่เกิดรากพร้อมกับเกิดกิ่งลำต้นและใบขึ้นใหม่ในเวลาต่อมา ซึ่งจากครั้งนั้นเหมือนเป็นการพบแนวทางการขยายพันธุ์อีกรูปแบบหนึ่งโดยบังเอิญ ทำให้เป็นอีกโอกาสแก่นักศึกษาที่มาฝึกงานในชุดแรกๆพร้อมกับประสบการณ์การขยายพันธุ์ไปต่อยอดทางธุรกิจภายหลังจบการศึกษา ณ ช่วงเวลานั้นด้วยเลย

\"กวักมรกต\" ไม้ประดับสกุลใหม่ ตอนจบ

             ช่วงต่อๆมา กวักมรกต จึงได้มีการผลิตเชิงปริมาณมากขึ้น ทั้งยังเกิดการกลายพันธุ์จากระบบการขยายในขั้นตอนต่างๆ จนได้พันธุ์ที่แปลกแตกต่างไปจากเดิมที่เคยมีเพียงชนิดต้นใบเขียว และพันธุ์กลายที่มีลักษณะต่างออกไปได้ดูสวยแปลกตา ทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าขึ้นได้มาก กลายเป็นไม้สะสมราคาสูงไปโดยแทบจะทันทีเลยทีเดียว ทำให้กระแสการใช้และมีการนำเข้าพันธุ์แท้ที่มีลักษณะคล้ายกับต้นพันธุ์ที่มีอยู่ จะแตกต่างไปบ้างก็ตรงที่มีการแตกกอแน่นกว่ามากและดูสูงชลูดกว่า ที่มาจากพื้นที่เฉพาะเขตใกล้เคียงกันกับพื้นที่ที่ถือเป็นแหล่งกำเนิดพืชสกุลใหม่นี้

            และโมซัมบิก ก็ดูเหมือนจะมีพืชที่เป็นสกุลเดียวกันแต่ดูต่างไป โดยอาจจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกันออกไปบ้างจากประเทศข้างเคียง ที่มีการค้นพบพันธุ์นี้ที่นี่เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอีกบางชนิดพันธุ์ที่กลายจนดูลักษณะเห็นเป็นต้นแคระเตี้ย ข้อใบถี่ มีลำต้นเหนือดินเป็นทรงกระชับดูต่างจากเดิมอีกรูปแบบหนึ่ง และนับเป็นชนิดพันธุ์ใหม่ที่ตลาดทั้งในและต่างประเทศมีความสนใจมิใช่น้อยเลย และจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีชนิดพันธุ์ใบดำที่มีกระแสไม่แพ้ชนิดพันธุ์ก่อนๆอยู่อีก ที่หากปลูกในสภาพแวดล้อมที่มีความเข้มของแสงมาก รงควัตถุที่มีสีดำกระจายอยู่ภายในต้นจะยิ่งดูชัดเจนขึ้นมากกว่าต้นที่วางประดับในสภาพรำไรไปมากราวกับเป็นคนละชนิดกันเลย

\"กวักมรกต\" ไม้ประดับสกุลใหม่ ตอนจบ

             กระแสการใช้ไม้ชนิดนี้ประดับ เริ่มมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังจากที่เกษตรกรเริ่มผลิตให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมีบางส่วนที่โตและมีขนาดพอเหมาะต่อการใช้เพื่อจัดตกแต่ง รวมถึงการนำไปใช้ประดับภายในอาคารที่ภาวะการณ์แตกต่างไปจากปกติพืชชนิดนี้ก็ยังสามารถปรับตัวได้ดี จนเริ่มเห็นเป็นที่แพร่หลายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีการใช้งานอีกบางรูปแบบที่มีการพัฒนาไปตามโอกาสด้วยการตัดต้นที่ดูเป็นช่อ ซึ่งดูคล้ายกับเป็นช่อใบไม้เพื่อใช้ตกแต่งอย่างไม้ตัดใบชนิดอื่นๆ โดยมีรูปแบบและลักษณะเฉพาะตัวจนดูแตกต่างออกไป และนับเป็นรูปแบบใหม่จากการใช้ช่อกวักมรกตเป็นไม้ตัดใบเพิ่มมูลค่าและโอกาสการใช้อีกทางหนึ่ง

   

        ส่วนการปลูกเพื่อไว้ใช้ประดับตกแต่งเองก็สามารถหาพันธุ์ที่ชอบชนิดที่ใช่ไว้ใช้ปลูกสร้างความสวยงามได้โดยทันที ส่วนหากต้องการจะปลูกเพื่อทำการขยายให้เป็นส่วนต่อเชื่อมของธุรกิจการเกษตรก็คงทำได้แบบไม่ยาก และคงต้องศึกษาข้อมูลอื่นๆประกอบให้รอบด้าน ทั้งชนิดพันธุ์ที่มีความต้องการยังตลาดปลายทาง หรือสภาพแวดล้อมการปลูกเลี้ยง และวิธีการขยายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงวัสดุที่เหมาะสมต่อการปลูก ที่มีความเหมาะสมทนทาน เก็บความชื้นได้ ระบายน้ำดี และมีราคาไม่สูงจนเกินไป กระทั่งต้องเรียนรู้เรื่องตลาดที่สามารถกระจายต้นพันธุ์ดีไปสู่ผู้ใช้ทั้งในและต่างประเทศที่เกิดประโยชน์และลงตัวในที่สุด