ข่าว

พิพากษาวันนี้ โอ๊ค พานทองแท้  คดีฟอกเงินกรุงไทย

พิพากษาวันนี้ โอ๊ค พานทองแท้ คดีฟอกเงินกรุงไทย

25 พ.ย. 2562

ชี้ชะตา โอ๊ค พานทองแท้ คดีฟอกเงินธนากรุงไทย ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดฟังคำพิพากษาวันนี้ เจ้าตัวยันพร้อมมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง

   วันนี้ (25 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีฟอกเงิน ทุจริตการปล่อยสินเชื่อของ ธ.กรุงไทยฯ ให้ธุรกิจเครือกฤษดามหานคร คดีหมายเลขดำ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร" อายุ 40 ปี บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย

 

      โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.61 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 

      ซึ่งคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.47 หลังจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร กับพวกร่วมกันกระทำผิดกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯ ในการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ ทำให้ธนาคารเสียหายจำนวน 10,400,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท) แล้วนายวิชัยกับพวกร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิด โดยนายวิชัย ได้นำบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ที่มีนายรัชฎา บุตรชาย , นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา เป็นกรรมการฯ บริษัทแกรนด์แซทเทิลไลท์คอมมูนิเคชั่น จำกัด ที่มีนายเชื้อ ช่อสลิด เป็นกรรมการฯ มาใช้ในการรับโอนเงิน แล้วนำเงินนั้นไปซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน โดยนายวิชัย ได้โอนเงินจากการขายหุ้นนั้น ให้นายพานทองแท้ จำเลย จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายรัชฎา บุตรของนายวิชัย และบุคคลในครอบครัวทั้งสองมีความรู้จักเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

        โดยนายวิชัย สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 17 พ.ค.47 จากบัญชีกระแสรายวัน ธ.ไทยธนาคาร สาขาบางพลัด ระบุชื่อนายพานทองแท้ ต่อมาวันที่ 18 พ.ค.47 จำเลยได้นำเช็คนั้นเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาบางพลัดของจำเลย และวันที่ 24 พ.ค.47 จำเลยได้ถอนเงิน 10 ล้านบาทเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ของจำเลยอีกบัญชี จากนั้นระหว่างวันที่ 24 พ.ค.-26 พ.ย.47 จำเลยได้ถอนเงินออกจากบัญชีผ่าน ATM ครั้งละ 5,000 - 20,000 บาทรวม 11 ครั้ง 

      และช่วงในวันที่ 14 มิ.ย.47 มีเงินฝากเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ของจำเลย 80,000 บาท แล้ววันที่ 30 พ.ย.47 จำเลยได้ถอนเงิน 8,800,000 บาทจากบัญชีดังกล่าว เข้าฝากบัญชีกระแสรายวันธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ซึ่งมียอดเงินรวมในบัญชี 14,720,352.07 บาท

      ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค.47 จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 14,700,000 บาทจากบัญชีกระแสรายวัน ธ.กรุงเทพสาขาซอยอารีย์ โดยนายวิชัย (ปัจจุบัน อายุ 80 ปี) , นายรัชฎา (ปัจจุบัน อายุ 53 ปี) กับพวก และอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯ (รวม 18 คน) ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกคดีร่วมทุจริตการอนุมัติสินเชื่อ คนละตั้งแต่ 12-18 ปี เมื่อวันที่ 26 ส.ค.58  และอัยการยังได้ยื่นฟ้องนายวิชัย , นายรัชฎา กับพวก อีกรวม 6 คนต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 4 ก.ย.61 ในคดีหมายเลขดำ อท.214/2561 ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินด้วย (คดีอยู่ระหว่างไต่สวนพยาน)

      ซึ่งชั้นพิจารณาศาลอาญาคดีทุจริตฯ “นายพานทองแท้” จำเลย ก็ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง เงินดังกล่าวเป็นส่วนที่จะร่วมลงทุนธุรกิจนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์ กับนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร ขณะที่ “นายพานทองแท้” ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี 1 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

      โดยชั้นพิจารณา ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์-จำเลย ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มตรวจสอบการกระทำผิด เช่น พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ , กลุ่มตรวจสอบเส้นทางการเงิน เช่น ป.ป.ง. , กลุ่มกล่าวถึงการลงทุนธุรกิจ อาทิ ตัวจำเลย ในวันที่ 24,25, 26 ก.ย.รวมทั้งหมด 3 นัด

        ขณะที่การไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย นายพานทองแท้ขึ้นเบิกความด้วยตนเอง ระบุเกี่ยวกับการวางแผนที่จะดำเนินธุรกิจนำเข้ารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นผู้คิดเองตั้งแต่ช่วงปี 2547 จากพูดคุยในกลุ่มเพื่อน 5-6 คน โดยนายรัชฎา ที่รู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 21 ปี จะขอร่วมลงทุนด้วย ซึ่งขณะนั้นคิดไว้ว่าการลงทุนน่าจะต้องใช้เงินลงทุนคนละ 20 ล้านบาทแต่ยังไม่ได้กำหนดว่าร่วมลงทุนกี่คน แต่สุดท้ายธุรกิจนี้ไม่ได้ดำเนินการโดยยุติลงในชั้นของการศึกษาแนวทาง ซึ่งได้มอบหมายให้นายเฉลิม แผลงศร ผู้ที่ตนให้ความไว้วางใจดูแลเรื่องการเงินธุรกิจบริษัทต่างๆ และเงินส่วนตัว ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจดังกล่าว ได้แจ้งผลการศึกษาการดำเนินธุรกิจนี้ว่ามีความเป็นไปได้ยากและจะไม่คุ้มเงินลงทุนทางธุรกิจ

       ส่วนที่นายรัชฎา โอนเงิน 10 ล้านบาทที่จะมาร่วมลงทุนโดย เป็นเช็คชื่อนายวิชัยนั้นจำเลยไม่ทราบเหตุผล ขณะที่ระหว่างการถูกดำเนินคดีจำเลยได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมซึ่งได้กล่าวถึงประเด็นการเมืองที่เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งแต่ไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจน ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาตรวจสอบด้วย

      ผู้สื่อข่าวรายงาน อย่างไรก็ดี ตลอดเวลาการพิจารณาชั้นไต่สวนพยานเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา "นายพานทองแท้" เคยกล่าวไว้เสมอว่าจะเดินทางมาศาลทุกนัดและพร้อมมาฟังคำตัดสินด้วยตนเองในวันที่ 25 พ.ย.นี้

      อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนตามหลักกฎหมาย เมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา นายประกันตามสัญญาประกันต้องดูแลพาจำเลยมาศาลตามนัด หากถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาล นายประกันและทนายความจำเลยต้องแจ้งเหตุจำเป็นให้ศาลทราบ ศาลจะพิจารณาถึงเหตุจำเป็นนั้นเพื่อพิจารณาสั่งการตามขั้นตอนกฎหมาย เช่น การใช้ดุลยพินิจเลื่อนฟังคำพิพากษาหรือไม่