แปดริ้วส่อวิกฤต ชาวนา 4.9 หมื่นไร่อาจต้องปล่อยข้าวยืนต้นตาย
ภัยแล้งแปดริ้วส่อวิกฤต ชาวนา 4.9 หมื่นไร่อาจต้องปล่อยข้าวยืนต้นตาย
วันนี้ 6 ม.ค.2563 ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา นายประเทือง อยู่เกษม นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมนายปรีชากร พฤกษะวัน หน้าหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งท้องถิ่นอำเภอ ประมงอำเภอ เกษตรอำเภอ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนในสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
นายประเทือง อยู่เกษม นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มขาดแคลนอย่างหนัก และอำเภอที่วิกฤตมากที่สุดจากใน 11 อำเภอของจังหวัดฉะเชิงเทรา คือ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายน้ำ โดยปัจจุบันประปาฉะเชิงเทรา ต้องสูบนำน้ำเค็มบางส่วนจากทางพื้นที่ตอนบน ในจุดที่มีค่าความเค็มเฉลี่ย 1-2 กรัมต่อลิตร จากบริเวณประตูน้ำบางขนาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว มาผสมกับน้ำจืด ที่ซื้อมาจากบริษัทจัดการน้ำภาคตะวันออก หรือ อีทเวอร์เตอร์ วันละ 10,000 ลูกบาศ์กเมตร เพื่อผลิตเป็นน้ำประปาให้ประชาชนใช้วันละ 40,000 ลูกบาศ์กเมตร ในสภาพของน้ำกร่อยแทนเนื่องจากขาดแคลนน้ำดิบต้นทุน
นอกจากนี้ในพื้นที่อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จากการสำรวจพบว่ามีชาวนาบางส่วน ที่ยังคงฝืนทำนาในช่วงฤดูแล้ง ทั้งที่มีประกาศเตือนจากกรมชลประทาน และทางเกษตรอำเภอ ที่ได้ประกาศเตือนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ช่วงก่อนสิ้นสุดฤดูกาลทำข้าวนาปี จำนวนประมาณ 79,210 ไร่ โดยเป็นการทำนาแบบต่อเนื่องจำนวน 3 หมื่นไร่ เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2562 หลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้วเสร็จในทันที และเพิ่งเริ่มลงมือทำข้าวนาปรังรอบใหม่ เมื่อประมาณกลางเดือน พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมาประมาณ 4 หมื่นไร่เศษ ต่อมาในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน 2562 ระดับน้ำในลำคลองสาขาต่างๆ เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้นาข้าวในส่วนที่เพิ่งลงมือทำช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน 2562 จำนวน 49,473 ไร่ ได้รับความเสียหายจากภาวะภัยแล้ง ที่เริ่มเข้าขั้นวิกฤตจากการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก โดยที่นาข้าวในส่วนนี้จะมีโอกาสยืนต้นตายสูง และจะไม่ได้ผลผลิตจากการทำนารอบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่นาข้าวทั้งหมดจะเป็นพื้นที่ปลายน้ำ ที่น้ำไม่สามารถผ่านมาถึงได้
ล่าสุดเริ่มมีนาข้าวยืนต้นตายแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ 4 ตำบล คือ ต.บางเตย ต.บางกะไห ต.คลองเปรง และ ต.หนามแดง ที่อยู่ปลายน้ำ โดยน้ำที่ได้รับมาจากเขื่อนเก็บน้ำทางตอนบน ทั้งเขื่อนนฤบดินทรจินดา เขื่อนขุนด่านปราการชล และน้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนบางส่วน เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะถูกนำมาแบ่งใช้ในด้านการอุปโภคบริโภคเป็นหลักเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันยังคงมีปริมาณน้ำที่ได้รับมาไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในพื้นที่
ด้านนายปรีชากร พฤกษะวัน หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมชลประทานสามารถสูบรับน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเข้ามายังภายในลำคลองบางขนากได้เพียงเฉพาะในช่วงเวลาน้ำลง ซึ่งมีค่าความเค็มไม่เกิน 1 กรัมต่อลิตรประมาณวันละ 3-4 ชม. เท่านั้น ในอัตรา 0.47 ลบม.ต่อวินาทีโดยล่าสุดขณะนี้น้ำเค็มได้ขึ้นมาถึงในเขตพื้นที่ ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรีแล้ว โดยมีค่าความเค็มสูงถึง 3 กรัมต่อลิตร ที่บริเวณประตูน้ำบางขนากเมื่อช่วงเช้าวันนี้
ด้าน น.ส.ยุวดี ฮวดวิเศษ รักษาการณ์เกษตรอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ระบุว่า ขณะนี้มีเกษตรกรจำนวนหนึ่งได้ยินยอมและพยายามทำใจปล่อยทิ้งนาข้าวได้แล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ยอมรับต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นและพยายามที่จะดิ้นรนหาน้ำเพื่อสู้ต่อไป ขณะบางรายยอมทิ้งนาข้าวกว่า 50 ไร่ เพื่อรวมน้ำทั้งหมดมาหล่อเลี้ยงแปลงนาเพื่อจะเก็บเกี่ยวไว้ทำข้าวปลูกเพียงจำนวนประมาณ 5 ไร่เท่านั้น
ภาพ/ข่าว สราวุฒิ บุญสร้าง ผู้สื่อข่าวภูมิภาคฉะเชิงเทรา