ข่าว

ลอยแพ'สุดารัตน์' 'ทักษิณ' -'พจมาน' ไม่ห้ามลาออก-'เฉลิม'เมิน

คุณหญิงสุดารัตน์ เงิบ 'ทักษิณ-พจมาน' ไม่ขวางลาออกเพื่อไทย กร่อยนัดปาร์ตี้ปีใหม่-แกนนำ-ส.ส.เมินร่วม ด้านฝ่ายค้านดาหน้าจัดขุนพลถล่มถกงบประมาณปี 63

         กลายเป็นประเด็นร้อนในพรรคเพื่อไทยหลังเกิดกระแสข่าวคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยยื่นใบลาออก โดยก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาเป็นระยะว่าหลังจากที่พรรคเพื่อไทยพ่ายศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น รวมทั้งมีการตั้งคณะกรรมการกิจการพิเศษ ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน เข้ามาควบคุมดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ส่งผลให้คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้เดินทางเข้าพรรคและพยายามลดบทบาทของตนเองลงอย่างชัดเจน

     ‘หญิงหน่อย’เงิบ‘แม้ว-อ้อ’ไม่ขวาง

      ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มกราคม รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย ระบุถึงข่าวการลาออกของคุณหญิงสุดารัตน์ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ทำหนังสือขอลาออกจากทุกตำแหน่งแต่ไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค โดยคุณหญิงสุดารัตน์ทำหนังสือแจ้งไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แต่ปรากฏว่านายทักษิณและคุณหญิงพจมานไม่ได้แสดงท่าทีทัดทานการลาออกแต่อย่างใด ส่งผลให้คุณหญิงสุดารัตน์ต้องเคลื่อนไหวต่อด้วยการนัด ส.ส.ของพรรคไปกินเลี้ยงปีใหม่ที่บ้านพักย่านลาดปลาเค้า แต่ ส.ส.หลายคนปฏิเสธ เนื่องจากติดภารกิจ นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ยังโทรศัพท์ไปชวน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้ไปร่วมงานเลี้ยงด้วย แต่ถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน

        รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย ระบุต่อว่า หลังจากแกนนำพรรคหลายคนรู้เรื่องการขอลาออกจากทุกตำแหน่งของคุณหญิงสุดารัตน์ผ่านนายทั้ง 2 คนของพรรค  ต่างตั้งข้อสังเกตว่าหากคุณหญิงประสงค์ลาออกจากทุกตำแหน่งจริง เหตุใดจึงไม่ยื่นใบลาออกให้แก่พรรค หรือกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้เกิดเป็นผลในทางกฎหมายพรรคการเมืองในทันที จึงเชื่อว่า คุณหญิงสุดารัตน์คงไม่ลาออกจริงตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

     ‘พงศกร’ ยันไม่มีใครปฏิเสธ'หญิงหน่อย'

    ด้าน นายพงศกร อรรณนพพร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์นัดหมายสมาชิกรวมถึง ส.ส.เข้าไปพูดคุยว่า หลังจากมีการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 22 ธันวาคม ที่ จ.ขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ซึ่งถือเป็นเรี่ยวแรงหลักในการช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งแข่งกับพรรคฝ่ายรัฐบาล และมีสมาชิกพรรครวมถึง ส.ส. ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเป็นจำนวนมาก เมื่อเสร็จภารกิจจึงนัดหมายเพื่อเลี้ยงขอบคุณทีมงานและคณะทั้งหมด ที่แสดงน้ำใจช่วยรณรงค์หาเสียง โดยตอนแรกจะนัดกันช่วงวันขึ้นปีใหม่ แต่เนื่องจาก ส.ส.ต่างมีภารกิจในพื้นที่ กำหนดการจึงถูกเลื่อนออกมา และมาลงตัวในช่วงเวลานี้

     “การเดินทางไปวันนี้ไม่ใช่การรวมพลังและไม่มีนัยทางการเมือง ขอยืนยันว่า ส.ส.ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่มีใครปฏิเสธคุณหญิงสุดารัตน์ และต้องการเห็นคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี การเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ต้องการเห็นคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี พวกที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องถามว่ามีบทบาทสำคัญอย่างไรในพรรค หรือไม่มีบทบาทแต่ต้องการมีบทบาท และมีวัตถุประสงค์อย่างไร พวกที่พูดอาจจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพรรคหรือไม่” นายพงศกรกล่าว

     “สมพงษ์”รับตกใจต้องคุยกันในกก.บห.

     นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวคุณหญิงสุดารัตน์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ว่า ยังไม่เห็นหนังสือลาออก ส่วนตัวไม่ได้พบกับคุณหญิงสุดารัตน์ตั้งแต่ปีใหม่ และเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชนและรู้สึกตกใจ  หากเป็นความจริงก็ต้องมาพูดคุยกันและนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณา เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นมติกรรมการบริหารพรรคในการแต่งตั้ง ส่วนเรื่องแพ้เลือกตั้งต่างๆ นานาทุกคนก็พูดกัน การแพ้เลือกตั้งจะโทษคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง ทั้งอำนาจและเงิน ถ้าตนเป็นคุณหญิงสุดารัตน์จะไม่น้อยใจเรื่องนี้ และคิดว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะไม่คิดมาก เรื่องนี้เป็นเกมการเมือง มีแพ้มีชนะ ซึ่งเราไม่สามารถชนะทุกครั้งได้

      “คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นบุคลากรที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดี การทำงานก็เข้าขากับผม แม้บางคนที่อยู่ข้างนอกจะมองว่ามีความขัดแย้งกัน แต่แท้ที่จริงแล้วเราทำงานเป็นทีม ไม่มีปัญหาในการทำงาน” นายสมพงษ์ กล่าว

      ส.ส.กทม.ซัดแกนนำจ้องขัดขา

      แหล่งข่าว จาก ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กระแสข่าวการลาออกจากประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของคุณหณิงสุดารัตน์นั้นยังไม่เป็นทางการ แต่การเก็บของออกจากพรรคนั้นเป็นแค่การเก็บของและจัดระเบียบห้องทำงานในช่วงปีใหม่ อย่างไรก็ตามสาเหตุที่มีกระแสข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคนั้น เป็นเพราะที่ผ่านมาตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์เข้ามาช่วยงานที่พรรคจนได้รับเลือกเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ทำให้ถูกแกนนำพรรคบางคนไม่ยอมรับและไม่สนับสนุนการทำงานมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการลงพื้นที่หาเสียง ตลอดจนแนวทางการขับเคลื่อนพรรค จะถูกแกนนำพรรคบางคนให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง จนทำให้ ส.ส.บางคนเกิดความเข้าใจผิด ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์รู้สึกเหนื่อยและน้อยใจกับการกระทำดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ไม่อยากออกมาตอบโต้เพราะไม่อยากให้พรรคเกิดภาพของความขัดแย้งเป็นฝักเป็นฝ่าย

      ส่วนประเด็นที่ ส.ส.ภาคอีสานของพรรคไม่ยอมรับคุณหญิงสุดารัตน์ รวมถึงประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ ดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ทำให้มองว่าเข้ามามีบทบาทแทนคุณหญิงสุดารัตน์ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อีกทั้งส.ส.อีสานส่วนใหญ่ก็ทำงานร่วมกันและยอมรับคุณหญิงสุดารัตน์เป็นอย่างดี ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กับคุณหญิงสุดารัตน์ทำงานอย่างให้เกียรติกันเพื่อให้งานของพรรคเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนการตัดสินใจในการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น ทางกลุ่มส.ส.กทม.พร้อมเคารพในการตัดสินใจ

   บิ๊กป้อม ยันไม่เคยทาบหญิงหน่อย

    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งในพรรคว่า “เรื่องนี้ให้ไปถามคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะไม่ได้ชื่อสุดารัตน์” ส่วนที่ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณหญิงสุดารัตน์จะมาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐนั้น ใครบอก เรื่องนี้สื่อพูดกันไปเอง เขาจะมาได้อย่างไร เขาไม่มาหรอก

     เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีความเป็นไปได้เลยใช่หรือไม่ที่คุณหญิงสุดารัตน์จะมาร่วมงานกับพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ เรื่องแบบนี้จะไปรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้สื่อต้องไปคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ก่อน แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการไปทาบทามอะไรทั้งสิ้น จะต้องไปทาบทามทำไม

     “เฉลิม”ขอหญิงหน่อย อยู่ช่วย

    วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวคุณหญิงสุดารัตน์จะลาออกว่า ไม่เคยรู้เรื่องนี้ว่าข่าวออกมาจากไหน ที่ผ่านมาไม่คิดจะอยากนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะความสามารถไม่ถึง ตำแหน่งเลขาธิการพรรคก็ไม่เป็น ตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ก็ไม่เอา ต่อให้เอาปืนมาจี้หัวก็ไม่เป็น จะขอเป็นแค่คณะกรรมการกิจการพิเศษเท่านั้น จากนี้จะตั้งศูนย์ข้อมูลสารสนเทศขึ้นมา

      “ยืนยันว่าเรื่องประธานยุทธศาสตร์พรรคจะเข้าหรือจะออก ผมไม่รู้เห็นทั้งสิ้นและไม่อยากรู้ด้วยเพราะไม่ใช่เรื่องของผม ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง คุณหญิงอยู่ลาดปลาเค้า ผมอยู่บางบอน จะไปรู้ได้อย่างไร จะออกทำไม ก็อยู่ทำงานช่วยกันไปนี่แหละ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

      ยืนยันข้อมูลปึ้กไม่ใช่แก้บน

      เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 8 พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม แถลงข่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ที่ผ่านมาคณะทำงานชุดนี้ได้ประชุมหลายครั้งเห็นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารราชการมานาน มีตำหนิทุจริต สร้างความไม่เป็นธรรม อคติกับคนบางกลุ่ม เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกตนเอง ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จึงรวบรวมหลักฐานได้ง่ายในการที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คณะกรรมการได้รวบรวมข้อมูลเสนอผ่านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปประชุมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะนำเสนอผู้ถูกอภิปราย และจะเอาข้อมูลมากางดูว่าข้อมูลใครแน่นกว่าก็จะใช้ข้อมูลของพรรคนั้น การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่การอภิปรายแก้บน เรามีข้อมูลอีกมาก เพราะถ้ามีแค่เล็กน้อยก็เสียชื่อพรรคเพื่อไทย

          “วันนี้ข้อมูลพร้อม ฝากบอกบางสื่อที่วิจารณ์เช่น นายสุทธิชัย หยุ่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีแต่ข้อมูลเก่า ไม่มีฝีมือ ขอถามว่าคุณรู้หรือว่าผมมีข้อมูลอะไรบ้างในมือ ขอให้มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อม ทั้งตัวบุคคล และข้อมูล เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ เราต้องหล่อหลอมความคิด และข้อมูลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รับรองสื่อมวลชนจะไม่ผิดหวังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้อย่างแน่นอน อีกไม่นานจะเปิดตัวแม่ทัพ ทั้งนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามกฎหมายใหม่ ไม่จำเป็นต้องเสนอชื่อผู้สมควรเป็นนายกฯ แนบท้ายไปด้วย แต่พรรคเพื่อไทยหาไม่ยากหรอก ในพรรคมีคนเยอะ เปิดประตูมาก็เจอแล้ว เบื้องต้นของพรรคเพื่อไทยวางตัวคนที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 คน ส่วนพรรคร่วมจะไปปรึกษาหารือกัน แล้วจะประสานผ่านนายภูมิธรรมมา” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

       สำหรับประเด็นเรื่องที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงหนังตัวอย่างเท่านั้น ยังมีข้อมูลที่จะเพิ่มเติมเข้ามาอีก แต่บอกไม่ได้ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น หวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะทำให้ศรัทธารัฐบาลตกต่ำจนอยู่ไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเล่นการเมืองมีสปิริต และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

     โวข้อมูลเด็ดโยง รมต.ส่อทุจริต

      ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก โดยจะมีทุกเรื่อง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีหลายข้อมูลที่ได้รับมาพบว่า การทำงานของรัฐมนตรีหลายท่านมีข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากล และหลายเรื่องส่อว่าจะไม่โปร่งใส ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านจัดเตรียมข้อมูลในอภิปรายครบทุกประเด็นอย่างแน่นอน และแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบ

       “ส่วนรัฐบาลจะมีการตั้งองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง พล.อ.ประยุทธ์ ในสภา คอยป่วนการอภิปรายของฝ่ายค้านก็ว่ากันไป ให้ประชาชนเห็นเอง ฝ่ายค้านไม่กังวล ทางที่ดีรัฐบาลควรปล่อยให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน รัฐบาลก็ชี้แจงสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย รัฐบาลไม่ควรดิ้นหรือเดือดร้อนไปก่อน หากไม่ผิดจะเดือดร้อนไปก่อนทำไม ดังนั้นการออกมาดิ้นของฝ่ายรัฐบาลแสดงว่ายอมรับว่าผิดจริงอย่างนั้นหรือ” นายสมคิด กล่าว

   จ่อล็อกเป้าซักฟอกเพิ่มอีก2-3ราย

     รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า สำหรับแนวทางการเตรียมความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากรัฐมนตรี 5 คนที่จะถูกยื่นอภิปรายแน่นอนแล้ว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายดอน ปรมัติวินัย รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย และยังต้องรอรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคจะเสนอชื่อผู้ถูกอภิปรายเข้ามาอีก

     ล่าสุดจะมีรัฐมนตรีอีก 2-3 คน อยู่ในข่ายที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยหนึ่งในนั้น คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านกำลังรวบรวมข้อมูลกรณีที่นายสุริยะอ้างถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้เลื่อนการแบน 2 สารเคมี พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ออกไปเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2563 รวมถึงการยกเลิกการแบนไกลโฟเซต เป็นจำกัดการใช้แทน

    ‘สมคิด’มั่นใจซักฟอกไม่มีอะไร

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ว่า เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ไม่มีอะไร ส่วนที่เมื่อถามถึงการรับมือสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกาจะต้องมีการเตรียมรับมืออย่างไรบ้างนั้น มีการหารือกันภายในอยู่แล้ว คงไม่พูดอะไร

    ‘ดอน’มั่นใจแจงปมซักฟอกได้

     นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีชื่อในการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีเอื้อประโยชน์บริษัทฟิลลิป มอร์ริสว่า ไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะทราบอยู่ว่าเป็นเรื่องการเมืองและในแง่เนื้อหาทุกอย่างถูกต้องหมด สิ่งที่เราทำเป็นการดูแลผลประโยชน์ของประเทศไทย และทราบว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายก็ตามที่เป็นข่าวออกมา

     เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านอ้างว่าการทำงานของรัฐมนตรีทำให้ภาครัฐไม่สามารถเก็บภาษีได้เท่าที่ควร นายดอนกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เพราะมีการแก้ไข พ.ร.บ.ศุลกากร ในปี 2560 และตัวเลขวงเงิน 10,000 กว่าล้านที่ฝ่ายค้านอ้างนั้นเป็นตัวเลขตามกฎหมายเดิมคือ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ที่มีการแก้ไขแล้ว เพราะขณะนี้กฎหมายเก่าไม่มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และคนที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขกฎหมายก็รับรู้อยู่ และการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงต่างประเทศที่จะไปกดดันอะไรทั้งสิ้น เราทำไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องของเรา

     ยัน แก้ก.ม.ศุลกากรไม่เกี่ยวบัวแก้ว

      “เรื่องฟิลลิป มอร์ริส ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงต่างประเทศ เราเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในขณะทำงาน แต่เรามองภาพรวม 360 องศาในเรื่องความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศ ยืนยันว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ศุลกากรไม่เกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ตามผมได้เตรียมข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐมนตรีต้องไปรับรู้เรื่องราวที่ทำต่อเนื่องกันมานาน เพราะมีหลายกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องดูแลติดตามเรื่องนี้อยู่” รมว.ต่างประเทศ กล่าว

     ‘บิ๊กป๊อก’เผยมีซักฟอกได้ชี้แจง

     ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ก็ต้องชี้แจง ต้องเตรียมข้อมูลอธิบายว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร การดำเนินการทำอย่างไร เตรียมตอบข้อซักถามและวิเคราะห์การอภิปราย ซึ่งคิดว่า ดีที่จะได้มีโอกาสชี้แจงในสภา ซึ่งจะได้เตรียมข้อมูลไปชี้แจงว่าทำอะไรไปอย่างไร

       เมื่อถามถึงการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในพื้นที่ต่างจังหวัดคงไม่สั่งการอะไรเป็นพิเศษ ทำเพียงดูแลความเรียบร้อย การแสดงออกอยู่ในขอบเขตของกฎหมายคงไม่เป็นอะไร ถ้าไม่เกิดความวุ่นวาย และแสดงออกอย่างเหมาะสมคงไม่เป็นไร

     ฝ่ายค้านต่อรองขอคนละ15นาที

      วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมพรรคเพื่อไทย มีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค เพื่อชี้แจงถึงกรอบการทำงาน และรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ที่จะมีการประชุมพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ.2563 โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ วิปฝ่ายค้าน และ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2-3 ที่จะมีการประชุมระหว่างวันที่ 8-9 มกราคม เป็นหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ ที่จะต้องชี้แจงว่าจะมีการปรับลด ปรับเพิ่มอย่างไรในแต่ละกระทรวง ตลอดเวลาของการประชุม ต้องใช้องค์ประชุมให้ครบในทุกมาตรา รวมทั้งในวาระที่ 2 จะมีการลงมติในทุกมาตรา

   ส่วนการลงมติจากสมาชิกว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ในวาระที่ 3 คาดว่าอาจจะไปลงมติในวันศุกร์ที่ 10 มกราคม ดังนั้นอาจทำให้การประชุมต้องใช้เวลา 3 วัน ที่จะเริ่มประชุมเวลา 09.30-24.00 น. มีการประชุม 15 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งสิ้น 45 ชั่วโมง คิดเป็น 2,700 นาที ทั้งนี้ กรรมาธิการที่ขอสงวนคำแปรญัตติไว้ สามารถใช้สิทธิอภิปรายได้ทุกมาตราในวาระ 2 และคงจะมีการแปรญัตติจากงบประมาณในส่วนที่ถูกตัดมากไปถึงงบประมาณที่ถูกตัดน้อย

   ขู่ พ.ร.บ.งบ ไม่ดีเจอโหวตล้ม

      นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงภายหลังประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรคว่า สำหรับการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยแต่ละพรรคขอดูการอภิปรายในสภาก่อน แล้วจึงประชุมหามติว่าจะอย่างไร และไม่จำเป็นต้องยึดตามประเพณีเดิมว่า จะต้องโหวตสวนจำนวนเท่านั้นเท่านี้ แต่ให้ว่ากันไปตามหลักการ สำหรับงบประมาณรอบนี้ รัฐบาลมีการแก้ไขน้อย ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อแนะนำที่ฝ่ายค้านที่เคยได้ให้ข้อเสนอไป อย่างไรก็ดีพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะรอการฟังการอภิปรายก่อน หากไม่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ฝ่ายค้านจะปล่อยผ่านไม่ได้ แม้งบประมาณผ่านอย่างล่าช้าหรือไม่ผ่านเลยจะเป็นผลเสีย แต่ถ้างบไม่ดี มองว่า ยิ่งจะเป็นผลเสียมากกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเราจะหาข้อยุติก่อนโหวตในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี 9 มกราคม ในเรื่องเวลาอภิปราย เราขอต่อรองเป็นเวลา 15 นาทีต่อคน หรืออย่างน้อยที่สุดคือ 10 นาทีต่อคน ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมเดินหน้าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยในวันที่ 18 มกราคม ฝ่ายค้านจะแถลงผลงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

       เมื่อถามว่า ในเรื่องการโหวตพ.ร.บ.งบประมาณ พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ให้แต่ละพรรคแสดงความเห็นกัน แต่ในวันนี้ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้อาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง ท้ายที่สุดอาจจะโหวตไปในทางเดียวกันโดยธรรมชาติ ไม่ได้มีการบังคับ เพราะเรื่องงบประมาณถือว่า เป็นเรื่องใหญ่

     ปิยบุตร ขนทัพอนค.ชำแหละงบ

        นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวเตรียมตัวอภิปรายงบ 63 ว่า หากจะพุ่งเป้าไปที่งบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดย ส.ส.ที่จะอภิปรายมีหลายคน แต่ในส่วนตนเองแม้ไม่ได้เป็น กมธ. แต่ได้แปรญัตติเรื่องงบของสำนักงานศาลปกครอง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระต่างๆ ที่ใช้ไปในการจัดหลักสูตร โครงการอบรมต่างๆ ซึ่งใช้ค่อนข้างมากทั้งที่ไม่ได้เป็นภารกิจของศาล อีกทั้งยังทำให้หลักสูตรเหล่านี้เกิดความคลางแคลงใจในสังคม ว่าท้ายที่สุด เวลาสำนักงานศาลเหล่านี้เปิดหลักสูตรมาเพื่อสร้างคอนเนกชั่นกันใช่หรือไม่

    จ้องชำแหละเบี้ยประชุมผู้พิพากษา

    นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณของสำนักศาลรัฐธรรมนูญ ที่เอาไปทำพิพิธภัณฑ์ และบ้านพญารัตนาธิเบศร์ ซึ่งใช้งบประมาณเยอะมาก นอกจากนั้น จะมีกรณีเบี้ยประชุม หากทุกท่านจำกันได้ คือ ตอนสภาเปิดใหม่ๆ มีรายของของสำนักงานศาลยุติธรรมเข้ามา แล้วผมได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ทำไมปีงบประมาณหนึ่ง มีค่าใช้สอยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในส่วนนี้ถูกเอาไปใช้เป็นเบี้ยประชุมของผู้พิพากษา ศาลฎีกา ครั้งนี้พอดูงบ ปรากฏว่าตุลาการศาลปกครองสูงสุดเอาบ้าง เห็นว่าศาลฎีกาทำ เลยจะเอาเบี้ยประชุมบ้าง ซึ่งปีหนึ่งใช้งบหลายร้อยล้าน ทั้งที่มีเงินเดือนประจำอยู่แล้ว นอกจากนั้นจะเป็นภาพรวม

     ประกาศลั่นกำจัด อนค.ไม่ได้

     นอกจากนี้นายปิยบุตร กล่าวถึง กรณีคดีที่ยังอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญหากคำวินิจฉัยเป็นในทางลบถึงขั้นยุบพรรคอนาคตใหม่ จะมีมาตรการรองรับอย่างไรว่า หากผู้มีอำนาจเชื่อว่าการกำจัดพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนทางที่ถูกต้อง หรือการตัดสิทธิแล้วให้ตนและธนาธรไม่มีบทบาททางการเมือง ก็ไม่เป็นไร เพราะจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความพยายามเหล่านี้ไม่มีทางสำเร็จ เราจะทำทุกวิถีทาง เช่น ส.ส.เราจะไปอยู่ที่ใหม่โดยพร้อมเพรียงกัน นายธนาธร และตนก็ยังมีบทบาทในทางการเมืองต่อไป เพียงแต่ไม่ได้พูดในสภาแต่ถ้าเขาไม่ยุบ เราก็จะดำเนินการของพรรคอนาคตใหม่ต่อไป

     พลังประชารัฐกำชับ ส.ส.อยู่โยง

       ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงผลประชุมส.ส.พรรคพลังประชารัฐว่า ในที่ประชุมได้หารือใน 3 เรื่อง คือ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 8 มกราคมนี้ จะเริ่มในเวลา 09.00-24.00 น. หรือเวลา 01.00 น. และจะเริ่มต้นใหม่ในวันที่ 9 มกราคมนี้ ถ้ายังไม่จบจะเริ่มต้นประชุมในวันต่อไป ในฐานะประธานวิปรัฐบาลได้พยายามย้ำให้สมาชิกอยู่ในที่ประชุมตลอดเวลา เพราะถ้าดูตามมาตราจะต้องมีการโหวต รวม 47 ครั้ง หรือโหวตทุกชั่วโมง หรือในหนึ่งชั่วโมงจะมีการโหวต 2-3 หน

      สำหรับการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2563 ในวาระที่ 2-3 ที่จะเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฏรในวันที่ 8 มกราคม ล่าสุดทางวิปทั้งสองฝ่าย ได้รับประสานจาก นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ เลขาฯ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า จะได้เวลาอภิปรายคนละไม่เกิน 5 นาที เพื่อให้เวลาในการประชุมเกิดการกระชับมากขึ้น

      วิ่งไล่ลุง บุกส่งเทียบเชิญ“บิ๊กตู่-ครม.”

     ความคืบหน้าการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในวันที่ 12 มกราคมนั้น  ที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย ประธานผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง และ น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านนายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเชิญนายกฯ และคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง โดยนายธนวัฒน์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการให้เกียรตินายกฯ และ ครม.ทุกท่าน จึงมายื่นหนังสือเชิญครม.ทั้งชุดอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ไปร่วมงานวิ่งในวันที่ 12 มกราคม ที่สวนรถไฟ เวลา 05.00-09.00 น. โดยเหตุผลหลักเพื่อให้ทุกท่านไปรับฟังเสียงของประชาชน ซึ่งเป็นเสียงที่ท่านละเลยตลอด 5 ปีกว่าที่บริหารประเทศ และเป็นเสียงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารประเทศของท่าน วันนี้มาเชิญด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงใจ และหวังว่าจะมีตัวแทนครม.ไปร่วมงาน

     เมื่อถามว่า มีกระแสโจมตีว่าเป็นการไม่รู้จักกาลเทศะ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งสูญเสียบิดา นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการมาซ้ำเติมการสูญเสีย และขอแสดงความเสียใจด้วย แต่งานนี้มีกำหนดการมานานแล้ว และวันนี้มีการประชุมครม.จึงเป็นวันที่เหมาะสมที่เราจะเชิญครม.ทั้งคณะ

      อนค.ขู่ตำรวจคุกคาม‘วิ่งไล่ลุง’

     ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ระบุว่า “การวิ่งออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใดๆ เพราะเป็นกีฬา ไม่ใช่การชุมนุม ถ้าเจ้าหน้าที่คุกคาม อัดคลิปเสียง และถามว่ามาเกี่ยวข้องกับเสรีภาพของประชาชนเรื่องนี้ด้วย กฎหมายข้อใดห้ามไว้ ถ้าข่มขู่ก็ผิด ป.อาญา 157 เป็นอาญาโทษจำคุก ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่โดยตรง มาแอบอ้างก็ผิด ป.อาญา ม. 145 เช่นเป็นพลเรือนอ้างอำนาจตำรวจ เป็นต้น

       “ธรรมนัส”ไม่รู้พะเยาห้ามจัด‘วิ่งไล่ลุง’

     ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.พะเยา ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีมีกระแสข่าวที่ จ.พะเยา ห้ามจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่า ยังไม่ทราบ เพราะไม่ได้กลับพื้นที่ จ.พะเยา มาหลายเดือนแล้ว หากเป็นกิจกรรมที่คน จ.พะเยา เป็นคนทำ ไม่น่ามีปัญหา นอกจากเป็นกิจกรรมที่มีนักศึกษาซึ่งเป็นคนต่างถิ่นมาจัด อาจทำให้คนพะเยาเกิดความไม่พอใจ จึงเกิดกระแสในลักษณะนั้น

      “บิ๊กตู่”นำคณะบุคคลพบ“สุรยุทธ์”

      ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี พร้อมภริยา เปิดโอกาสให้ คณะบุคคล ข้าราชการ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าอวยพรเนื่องเทศกาลปีใหม่ 2563 โดยมีคณะต่างๆ เข้าอวยพร อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำทีมครม. ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นอกจากนี้ ยังมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ

     พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ประธานองคมนตรีได้ให้พร และฝากกันไปฝากกันมา ฝากบ้านฝากเมือง พร้อมกับขอให้ตั้งใจทำงานกันต่อไป

      “ฐนภัทร”เปิดตัวเลื้อยลงรู‘พปชร.’

     ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นายสุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ร่วมกันเปิดตัว พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.เขต 1 จันทบุรี ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่ ขับออกจากพรรค พร้อมต้อนรับ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น ที่เพิ่งได้รับเลือกเข้ามา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

     นายอนุชา ระบุว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ พ.ต.ท.ฐนภัทร ได้มาร่วมงานกับพรรค เพราะต้องการนำพาบ้านเมืองไปสู่ความมั่นคง ส่วนหากมี ส.ส.ถูกขับออกจากพรรค จากนี้จะยินดีต้อนรับใช่หรือไม่นั้น หากมีอุดมการณ์ตรงกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ยินดีต้อนรับ ส่วนข้อครหาว่า พรรคพลังประชารัฐอยู่ระหว่างรอดูด ส.ส.นั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การดูด เพราะอุดมการณ์อาจจะตรงหรือไม่ตรงก็ได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่เป็นพรรคที่ต้องการเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง ดูแลชาติให้สู่ความมั่นคง และเจริญรุ่งเรือง ซึ่งการทำงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์

     ปชป.ย้ำต้องแก้รธน.มาตรา256

     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) ที่โรงแรมสุดาพาเลซ สะพานควาย ประชุมสัมมนาเครือข่ายแกนนำประชาธิปัตย์ ภาคกลาง รุ่นที่ 2 โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้บรรยายถึงจุดยืนของพรรคเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล และต้องการแก้ไขเพียงมาตรา 256 ให้สำเร็จนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหัวหน้าพรรคได้แสดงท่าทีมุ่งมั่น และจุดยืนที่หนักแน่น ต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการให้สัญญาประชาคมอย่างชัดเจน ทั้งนี้ในสถานะสมาชิกพรรคคนหนึ่ง และเป็นผู้เสนอญัตติต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย จึงต้องยึดมั่นในจุดยืนและสัญญาประชาคมของพรรคที่มีต่อประชาชนอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะต้องนำไปขับเคลื่อนทุกวิถีทางให้ประสบความสำเร็จให้จงได้

       ไม่สำเร็จอาจต้องทบทวนท่าที

     “เชื่อมั่นว่าถ้าหากการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ของพรรคไม่ประสบความสำเร็จตามที่ประกาศไว้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และพรรคประชาธิปัตย์คงจะต้องกลับมาทบทวนท่าที และสรุปบทเรียนในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อทุกภาคส่วนในสังคมว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความมุ่งมั่น และมีอุดมการณ์อันแน่วแน่ ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” นายเทพไท ระบุ