อนุมัติสตช.ตั้งกองบังคับกม.-คดีสังกัดตำรวจภูธรภาค1-9
ครม.อนุมัติสตช.ตั้งกองบังคับการกฎหมายและคดี สังกัดตำรวจภูธรภาค 1-9 เพิ่มประสิทธิภาพทำความเห็นแย้งคำสั่งอัยการในสำนวนคดีอาญา อุทธรณ์ ฎีกา
28 มกราคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาลน.ส. รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้โครงสร้างการทำงานตำรวจภูธรภาค 1-9 มีความเหมาะสมกับภาระงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลสั่ง สตช.แจงข้อมูล ปมฉาวลูกน้องฟ้อง บิ๊กแป๊ะ
ทั้งนี้ตามที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 145/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคหรือรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี มีอำนาจหน้าที่พิจารณาทำความเห็นแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการในสำนวนคดีอาญา คดีอุทธรณ์ และคดีฎีกาที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ขอถอนฟ้อง ขอถอนอุทธรณ์ หรือขอถอนฎีกา อำนาจหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นเหตุให้มีปริมาณงานที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น
ซึ่งมีสาระสำคัญคือเห็นชอบให้จัดตั้งกองบังคับการกฎหมายและคดี เป็นส่วนราชการระดับกองบังคับการ สังกัดตำรวจภูธรภาค 1-9 ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการทำความเห็นแย้งคำสั่งพนักงานอัยการกรณีสั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ขอถอนฟ้อง ขอถอนอุทธรณ์ หรือขอฎีกา รวมถึงงานด้านสอบสวนคดีอาญา งานด้านคดีปกครอง คดีแพ่ง และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 1-9 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับปริมาณและประเภทงาน
การจัดตั้งกองบังคับการเพิ่มเติมนี้ มีการกำหนดตำแหน่งข้าราชการ 982 ตำแหน่ง โดยใช้วิธีการปรับเกลี่ยตำแหน่งและกำลังคนภายใน ไม่ทำให้จำนวนตำแหน่งในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มขึ้น ส่วนงบบุคลากรในส่วนของเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษเพิ่มขึ้น จำนวน 151 ตำแหน่ง ประมาณค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 30 ล้านบาทต่อปี จะใช้การถัวจ่ายงบประมาณประจำปี จึงไม่เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด