จากใจ ดอน แจงยิบเกิดอะไรกับการนำคนไทยกลับประเทศ
ดอน เปิดใจ แจงยิบเบื้องหลังปมคาใจของหลายคน เกิดอะไรขึ้นกับการนำคนไทยที่อู่ฮั่นกลับประเทศ
2 กุมภาพันธ์ุ์ 2563 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ได้เปิดเผยปมคาใจของหลายคนเกี่ยวกับกรณีการรับคนไทยในอู่ฮั่นกลับประเทศ จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจีน
อ่านข่าว 4 กุมภาเหินฟ้าสู่อู่ฮั่น รับคนไทยกลับมาตุภูมิ
โดย ลำดับเหตุการณ์ จากวันที่ 26 ม.ค. 2563 ดังนี้
ข้อ1) จากพื้นฐานที่จีนมีความมั่นใจในการควบคุมสถานการณ์และไทยเองก็เชื่อว่าจีนจะดูแลสถานการณ์ได้ดีพอจากประสบการณ์ของจีนในยุคที่เอาSARSได้อยู่ ประกอบกับจีนได้ขอให้ทุกประเทศเชื่อมั่นและสนับสนุนการดำเนินงานของจีนในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโดยไม่ให้แพร่ออกจากเขตที่ปิดล้อมสู่บริเวณอื่นๆของจีนหรือสู่ต่างประเทศ
ข้อ2 ) ด้วยเหตุดังข้อ1 ประกอบกับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นปลอดภัยกันดี และมีอาหารพอแม้ไม่อุดมเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ขาดแคลนไทยจึงพร้อมสนองตอบท่าทีของจีน โดยจีนยืนยันจะดูแลคนไทยอย่างดียิ่ง แต่ไทยก็มอร์นิเตอร์พัฒนาการในเรื่องนี้ตลอดนับแต่ที่มีการประกาศปิดเมืองเมื่อ23มค.
ข้อ3) ระหว่างการติดตามพัฒนาการการแพร่ระบาด มีการแสดงความพร้อมพอควรในเรื่องการเตรียมตัวช่วยเหลือคนไทยตามแนวปฎิบัติปกติของทางการไทยด้วยเที่ยวบินพิเศษ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนแนวคิดเป็นเครื่องเหมาลำเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ขณะเดียวกัน มีกลุ่มวีแชทติดต่อกันระหว่างสถานทูตกับกลุ่มนักเรียนไทยและคนไทยตลอดเวลา
ข้อ4) จากการติดต่อเพิ่มเติมกับจีน ไทยได้รับทราบจากจีนว่ายังไม่มีนโยบายส่งเสริมการนำคนต่างชาติออกจากหวู่ฮั่น แต่การที่มีหลายประเทศต้องการนำคนออกจีนจึงเริ่มพิจารณาประเด็นนี้ แต่ไม่สามารถยืนยันกับฝ่ายใดได้เพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบในวงกว้างจากการแพร่ระบาดออกไปจากเขตควบคุม
ข้อ5) ในที่สุดเมื่อ 28 มกราคม จีนได้ตกลงใจให้ญี่ปุ่นและสหรัฐฯซึ่งมีสถานกงสุลใหญ่อยู่ในอู่ฮั่นนำคนในชาติออกไปจากเขตควบคุมกลับสู่ประเทศได้
ข้อ6) สำหรับไทยที่มีการเตรียมพร้อมด้วยการตรวจสอบจำนวนคนไทยที่อยู่ในอู่ฮั่นในตอนต้นว่ามี 64 คน (นักศึกษา=49คนทำงานและนักท่องเที่ยว=15 คน ) ได้เริ่มมีเสียงแสดงความประสงค์จะออกจากอู่ฮั่นอย่างจริงจังเมื่อบ่ายวันที่ 27 มกราคม แต่จำนวนได้ขยับเพิ่มขึ้นเมื่อทราบกันกว้างขวางขึ้นถึงโอกาสที่จะได้รับการเคลื่อนย้ายกลับไทย เป็น 135 คน แต่เมื่อซักถามกันจริงจังตัวเลขได้ปรับใหม่เป็น160คนที่พร้อมกลับไทย. แต่ล่าสุดมีข่าวว่าตัวเลขปรับเปลี่ยนอีก(ประมาณ140คนเศษ)
ข้อ7) ความพร้อมด้านของนักศึกษานั้นชัดเจนและอยู่ในข่ายที่จะรวมตัวกันไปสนามบินเพื่อเดินทางเมื่อได้รับการยืนยันวันที่จะกลับได้. แต่การประสานกับกลุ่มคนทำงานรวมทั้งนักท่องเที่ยวไทยยังไม่สมบูรณ์เต็มที่เพราะยังมีปัญหาการเดินทางของแต่ละคนแต่ละกลุ่มที่จะไปรวมตัวกันในจุดนัดพบ ขณะนี้จนท.สถานสถานทูตกำลังประสานกับฝ่ายต่างๆรวมทั้งเรื่องการจัดหา/เช่ายานยนต์ขนส่งคนที่ยังขาดแคลนอยู่ (อู่ฮั่นห่างออกไป1,300กม)
ข้อ8) วันนี้ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง3คนเดินทางออกจากปักกิ่งโดยรถยนต์ ไปอู่ฮั่นเดินทาง 14 ชม. (เพราะการปิดเมืองอู่ฮั่น ทำให้ไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์จากที่ใดเข้าเมือง บริษัทเช่ารถไม่เปิดทำการ การขนส่งต่างๆไม่มี ทุกอย่างไม่เป็นปกติ) เพื่อเตรียมการอำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางกลับไทย
ข้อ9)นอกเหนือจากการเตรียมการทางด้านเมืองจีน ยังมีการเตรียมการของเที่ยวบินที่กรุงเทพฯที่จะออกไปอู่ฮั่นเพื่อรับคนกลับ มีประเด็นการการเตรียมเครื่อง เตรียมคน เตรียมขั้นตอนต่างๆที่เดินทางถึง เวชภัณท์และสิ่งของต่างๆที่พอจะบรรทุกไปได้เพื่อช่วยคนจีนในอู่ฮั่น รวมถึงบุคคลากรทางการแพทย์และอื่นๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยที่จะเคลื่อนย้ายกลับในระหว่างการเดินทาง
ข้อ10) การ quantantineตามระเบียบ 14 วันนับแต่มีการปิดเมืองอู่ฮั่น นั้น จะได้รับการนำปฎิบัติต่อผู้เดินทางกลับในค่ำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ด้วย
ข้อ11) เวลาการเตรียมการและประสานในเรื่องต่างๆของสถานทูตกับคนไทยโดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่าอู่ฮั่นถูกปิด จึงดูจะลงตัวพอดีกับเงื่อนเวลาที่มีอยู่ หากไทยพยายามเร่งตัวเองการจะรับผู้สมัครใจกลับทั้งหมดงหมดอาจไม่ครบถ้วนเพราะมีที่พักที่กระจัดกระจาย การคมนาคมถูกตัดขาดอาจจะมีการตกหล่นได้<ดูจากการปรับมาปรับไปของจำนวนคนที่พร้อมจะกลับ> ที่สำคัญคือชีวิตที่ปลอดภัย ไม่ขาดแคลนอาหารของคนไทยเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่การแข่งขันกับชาติไหนๆว่าใครจะออกก่อนออกหลัง ขอให้คนไทยปลอดภัยไม่ติดเชื้อเมื่อมาถึงไทยก็เป็นธงชัยของไทยแล้ว ทั้งนี้ การได้ใจจากมิตรประเทศก็สำคัญยิ่ง เพราะเราเข้าใจในสถานการณ์ ไม่ตื่นตระหนก ถนอมน้ำใจกัน รู้ถึงความยากลำบากของเขาและคนจำนวนมหาศาลของเขาในยามที่ประสบวิกฤติเช่นนี้ ไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่าเท่าการเข้าใจ เข้าถึงจิตใจของมิตรในยามยาก และถ้อยทีถ้อยประติบัติต่อกัน
ข้อ12) ฉะนั้นในเรื่องไวรัสอู่ฮั่น มีมิติหลากหลายแทรกตัวอยู่ เป็นเรื่องสุขภาวะทางกาย สภาพคนทางจิต เรื่องการอยู่-การกิน เรื่องความเป็นความตาย เรื่องความเชื่อมั่น เรื่องประสิทธิภาพการทำงาน เรื่องการประสานงาน เรื่องเงื่อนเวลา เรื่องความไว้วางใจ เรื่องการข่าว/การประชาสัมพันธ์ เรื่องการเมืองภายในประเทศ เรื่องเฟคนิวส์ เรื่องการเอาชนะคะคานกัน เรื่องศักดิ์ศรีของชาติ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดการรับมือกับเรื่องนี้ 360 องศา บวกบน-ล่าง