ข่าว

กฎเหล็ก ผบ.ทบ. "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" อยู่บ้านหลวงต่อได้

กฎเหล็ก ผบ.ทบ. "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" อยู่บ้านหลวงต่อได้

14 ก.พ. 2563

"บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ทำคุณให้ชาติ อยู่บ้านหลวงต่อได้ รัฐเยียวยาเหยื่อโคราช 1 ล้าน

 

               “บิ๊กแดง” ให้ยกเว้น “นายกฯ-ครม.-ส.ว.สายทหาร” เกษียณทำประโยชน์ชาติอยู่บ้านพักหลวงได้ ส่วนที่เหลือขีดเส้นย้ายสิ้นเดือนนี้ “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” ปิดปาก โยน ผบ.ทบ.ตอบปฏิรูปกองทัพ ด้านรัฐเยียวยา 1 ล้านบาท เหยื่อเสียชีวิต 27 ราย ยกเว้นผู้ก่อเหตุ-คู่กรณี 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ 1-2 แสนบาท ขณะที่ยอดบริจาคโคราชพุ่งกว่า 58 ล้าน “ศรีสุวรรณ” ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ “บิ๊กตู่-บิ๊กแดง” เหตุกราดยิงโคราช ชี้หย่อนระเบียบ-ชูมินิฮาร์ท 

 

อ่านข่าว ประวิตร โยน บิ๊กแดง ตอบปฏิรูปกองทัพ 

 

               ความคืบหน้ากรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินหน้าล้างบางธุรกิจสีเทาในกองทัพ และเปิดศูนย์ร้องเรียนให้นายทหารชั้นผู้น้อยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา รวมถึงขีดเส้นให้นายทหารที่เกษียณราชการย้ายออกจากบ้านหลวงภายในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อจัดระเบียบบ้านพักสวัสดิการของกองทัพนั้น

 

               ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการไปยังกรมสวัสดิการทหารบกให้ตรวจสอบบ้านพักของกองทัพบกว่ามีผู้เกษียณอายุราชการที่ยังพักอาศัยอยู่หรือไม่ แล้วให้แบ่งออกเป็น 2 หมวด คือ 1.ให้ทำหนังสือถึงผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้วยังอาศัยอยู่ที่บ้านสวัสดิการ และไม่ได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ โดยแจ้งให้ออกจากบ้านพักภายในสิ้นเดือนนี้ และ 2.ในส่วนที่ผู้เกษียณราชการแล้วแต่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ยังสามารถอาศัยอยู่ได้ตามปกติเพราะถือว่าทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ

 

               รายงานแจ้งด้วยว่า สำหรับนายทหารเกษียณที่ทำประโยชน์แก่ชาติ ครอบคลุมถึงฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ เช่น นายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรี, สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และองคมนตรี

 

               สำหรับนายทหารเกษียณ อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ซึ่งอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นั้น พล.อ.สนธิได้ย้ายออกไปอยู่บ้านพักส่วนตัวนานกว่า 2 ปีแล้ว ส่วน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ.และอดีตเลขาธิการคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) ที่เคยพักอยู่ที่บ้านพักย่านเกษะโกมล ก็ได้ย้ายออกไปประมาณ 5-6 เดือนแล้วเช่นกัน

 

               แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ในส่วนมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เป็นพื้นที่อยู่นอกหน่วยทหาร

 

               ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีพล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ. เตรียมปฏิรูปกองทัพว่า ต้องไปถาม ผบ.ทบ.เอง เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่อดีตที่เคยเป็น ผบ.ทบ. เรื่องสวัสดิการเชิงพาณิชย์นั้นเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ก็ทำมาตลอดในเรื่องของการปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะในเรื่องนี้ 

 

               ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามถึงนโยบายของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่จะให้ทหารที่เกษียณอายุราชการออกจากบ้านพักหลวงภายหลังกระแสโซเชียลถามถึงกรณีการใช้พื้นในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ไม่ตอบคำถามกรณี ผบ.ทบ.ให้ข้าราชการทหารเกษียณแล้วคืนบ้านพักภายในเดือนนี้เช่นเดียวกัน

 

               เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จ.นครราชสีมา ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยนายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุมได้พิจารณาหลักเกณฑ์จ่ายเงินเยียวยาซึ่งบูรณาการความช่วยเหลือของแต่ละหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ คาดว่าจะจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิต จำนวน 27 ราย จาก 30 ราย และผู้บาดเจ็บ 58 ราย โดยไม่ครอบคลุมผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย ผู้ก่อเหตุ และคู่กรณี จำนวน 2 ราย ที่ต้องรอดูสำนวนการสอบสวนในทางคดีก่อน 

 

               สำหรับผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย และตำรวจอาสา 1 รายในขณะปฏิบัติหน้าที่ รายละ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังทราบว่ามีเงิน 7-8 กองทุนที่ได้จ่ายช่วยเหลือไปแล้ว รายละ 3 ล้านบาท เช่น กองทุนหลวงพ่อคูณ เงินบำเหน็จในทางราชการ และการเลื่อนชั้นยศตามระเบียบ เป็นต้น ส่วนพลทหาร จำนวน 1 รายที่เสียชีวิต จะมีสวัสดิการของกองทัพ เช่น ประกันชีวิต และสวัสดิการอื่นตามสิทธิ และในส่วนผู้เสียชีวิตรายอื่นก็จะได้เงินเยียวยารายละ 1 ล้านบาท รวมถึงจะมีเงินช่วยเหลือในส่วนของหน่วยงานอื่นๆ เข้าไปสมทบด้วย 

 

               ส่วนผู้บาดเจ็บ จำนวน 58 ราย แบ่งเป็น บาดเจ็บสาหัส 29 คน ซึ่งมีหลักเกณฑ์ไว้ที่คนละ 2 แสนบาท ส่วนบาดเจ็บไม่สาหัส หรือเล็กน้อย 29 คน จะพิจารณาจ่ายสูงสุดคนละไม่เกิน 1 แสนบาท นอกจากนั้น ยังมีการเยียวยาด้านจิตใจที่จะมีมาตรการช่วยเหลือรวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูด้านจิตใจและความเป็นอยู่ของชาวโคราช ขณะที่ด้านการค้าจะมีการพิจารณาปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

 

               สำหรับการช่วยเหลือด้านทรัพย์สินของห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ที่ได้รับความเสียหายราว 10 ล้านบาท รวมถึงร้านค้าภายในห้างและรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย ก็จะไปเร่งรัดให้จ่ายโดยเร็ว นอกจากนี้กระทรวงแรงงานจะพิจารณาสิทธิของแรงงานที่ต้องสูญเสียรายได้และสิทธิพึงจะได้รับเพื่อเร่งเบิกจ่ายช่วยเหลือและผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่มีภาระหนี้สินกับธนาคารของรัฐ 4 แห่งจะยกหนี้ให้แก่กรณีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บจะลดดอกเบี้ย 0.01% ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือจะรายงานให้ ครม.รับทราบวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ยืนยันว่าการเยียวยาครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบซึ่งเคยใช้ในการเยียวยาเหตุราชประสงค์และผู้ประสบภัยพายุไต้ฝุ่นโพดุล-คาจิกิ

 

               เช้าวันเดียวกัน ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ได้จัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 219 รูป ภายใต้ชื่องาน “งานบุญเปิดศูนย์ สร้างขวัญกำลังใจ และก้าวต่อไปด้วยกัน” บริเวณชั้น G หอไอเฟลสแควร์ โดยมี พล.อ.ต.สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานในพิธี และ พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 หัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า ภาคเอกชนและประชาชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โดยมีพิธีสวดนพเคราะห์ บายศรีสู่ขวัญด้วย ทั้งนี้การทำบุญใหญ่ดังกล่าวเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวโคราช โดยศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ได้เปิดให้บริการตามปกติในวันนี้ด้วย


               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะได้เข้าร่วมพิธีทำบุญและหลังเสร็จสิ้นการทำบุญ คุณหญิงสุดารัตน์ได้ร่วมวางช่อดอกไม้สีขาวบริเวณด้านหน้าศูนย์การค้ารำลึกถึงผู้เสียชีวิต

 

               ด้านนายวิเชียร ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เปิดเผยว่า ยอดเงินบริจาคของจังหวัด ณ เวลา 08.00 น.วันเดียวกันนี้ อยู่ที่ 49 ล้านบาท รวมที่จ่ายไปให้ผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ล้านบาท รวมเป็น 58 ล้านบาท โดยวันนี้จะทยอยมอบให้ญาติผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกรายละ 7 แสน รวมเป็นรายละ 1 ล้านบาท ทั้ง 27 ศพ และจะพิจารณามอบให้ผู้บาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูด้วย

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา จากนั้นเวลา 14.00 น. ได้ประชุมคณะกรรมการดังกล่าวเป็นนัดแรก และเวลา 16.00 น. ได้เดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ น.ส.อภิกษณาภา ขันผักแว่น ที่วัดหนองไผ่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

 

               ส่วนที่ วัดโพธิ์ อ.เมืองนครราชสีมา มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองนครราชสีมา ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณด้านหลังวัดป่าศรัทธารวม ขณะปฏิบัติหน้าที่พยายามเข้าระงับเหตุกราดยิง ในเวลา 16.00 น. โดยมีนายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธี

 

               วันเดียวกัน นายจิรพัฒน์ ไกรฤกษ์ ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ระดับ 10 เป็นประธานในพิธีเชิญดินพระราชทานไปในพิธีวางดินฝังศพ นางจุฑารัตน์ ลิมป์สิริวรรณ อายุ 61 ปี ที่วัดนักบุญอันนา ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงที่โคราช โดยมีนายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และครอบครัวของผู้เสียชีวิตร่วมในพิธี

 

               ส่วนการโพสต์เลียนแบบข่มขู่ใช้ความรุนแรงยังมีต่อเนื่อง พ.ต.ท.อรุณศักดิ์ วรรณโกษิตย์ รอง ผกก.สภ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เร่งติดตามตัวชายหนุ่มโพสต์ป่วน หลังตัวแทนห้างบิ๊กซี สาขาด่านขุนทด ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความเพจเฟซบุ๊ก “กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง” โดยผู้ใช้ชื่อ “สิงห์ คนองนา” โพสต์ข้อความลักษณะเลียนแบบข่มขู่ พร้อมภาพอาวุธปืนสั้นและปืนยาว 

 

               ทั้งนี้จากการตรวจสอบคาดว่าผู้โพสต์เป็นคนในพื้นที่ สภ.หินดาด ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จึงได้ประสานร่วมกับ พ.ต.อ.ปราโมทย์ สิมหลวง ผกก.สภ.หินดาด ลงพื้นที่สืบสวน พร้อมเชิญตัวแม่ของผู้โพสต์ไปสอบปากคำ ทราบว่าผู้โพสต์ไปทำงานต่างจังหวัดยังติดตามตัวไม่ได้ แต่รู้สึกเสียใจต่อการกระทำของบุตรชาย และอ้างว่าตอนลูกชายอายุ 14 ปี ป่วยเป็นโรคลมชักและเคยประสบอุบัติเหตุหลายครั้ง ถ้าดื่มเหล้าจะมีอารมณ์รุนแรงขาดสติ ไม่สามารถควบคุมตนเองได้

 

               ด้านนายธนภร นาคน้อย ผจก.ห้างสรรพสินค้า กล่าวว่า ในส่วนของทางห้างมีผลกระทบทำให้ลูกค้าไม่เกิดความเชื่อมั่น จึงต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและพนักงาน หลังจากที่มีข่าวออกไปทางห้างอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านความปลอดภัย

 

               ขณะที่ พ.ต.อ.บุญสินธุ์ ผดุงสุข ผกก.สภ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามมือโพสต์เลียนแบบข่มขู่เหตุรุนแรงที่โคราช กระทั่งต่อมาครอบครัวได้พา นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ชาวบุรีรัมย์ เจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์ข้อความ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยราช นายเอกสารภาพว่า ได้โพสต์เฟซบุ๊กลักษณะเลียนแบบข่มขู่จริงหลังจากที่ดื่มสุราจนเมา แต่เป็นการโพสต์ขำๆ เล่นๆ เท่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะลงมือทำจริง รู้สึกเสียใจกับสิ่งทำลงไป เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานำตัวส่งดำเนินคดีต่อไป

 

               ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์รุนแรงที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งสะเทือนขวัญประชาชนทั้งประเทศ และเป็นข่าวที่สร้างความเสื่อมเสียไปทั่วโลก มูลเหตุสำคัญน่าจะมาจากกฎข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ ในกองทัพบกน่าจะมีปัญหา จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงปฏิรูปหรือสังคายนากันเพื่อรักษาเกียรติศักดิ์และชื่อเสียงของกองทัพที่ผู้บังคับบัญชาในอดีตเคยร่วมกันสร้างและสั่งสมชื่อเสียง แต่ต้องมามัวหมองในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น รมว.กลาโหม, พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. และ พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 

 

               ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องให้องค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติคือ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอํานาจของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานรัฐนั้นๆ ให้ขจัดหรือระงับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม รวมทั้งเสนอแนะต่อกระทรวงกลาโหมและกองทัพบกเพื่อให้ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคําสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมต่อไป

 

               นอกจากนี้ยังร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบพฤติกรรมนายกรัฐมนตรีที่ไม่แสดงอาการสำรวมในการเดินทางไป จ.นครราชสีมา ในช่วงหลังเหตุการณ์ โดยเฉพาะการโบกไม้โบกมือยิ้มแย้มทักทายประชาชนและการแสดงท่ามือ “มินิฮาร์ท” ซึ่งผิดกาลเทศะ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เพื่อให้ผู้ตรวจการฯ เตือนไปยังคณะรัฐมนตรีว่าอย่าได้มีพฤติกรรมเลียนแบบเยี่ยงนี้เป็นเด็ดขาด โดยสมาคมจะไปยื่นคำร้องต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้

 

               วันเดียวกัน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมมวลชน แต่งกายด้วยชุดสีดำนำดอกไม้และพวงมาลัยมาวางหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อเหตุกราดยิงที่โคราช ท่ามกลางการดูแลความสงบของตำรวจ ภายในงานมีกิจกรรมให้ประชาชนเขียนข้อความและจุดเทียนไว้อาลัยพร้อมอ่านแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และเรียกร้องให้ พล.อ.อภิรัชต์ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

 

               ก่อนหน้านี้ที่รัฐสภา น.ส.ณัฏฐา ในฐานะผู้ประสานงานคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และองค์กรพันธมิตร ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้อำนาจมิชอบโดยผู้บังคับบัญชา และการขาดประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของอาวุธ