ประหารชีวิต "ธนาธร" และ "อนาคตใหม่"
ทราบดีว่าหากใครจับได้ ทั้งคนและพรรคจะถูกประหารชีวิตทางการเมือง
จากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ 2 คดี ที่เกี่ยวข้องกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ ทำให้มีคำถามตามมาและมีความสงสัยในตัวธนาธร และพรรคอนาคตใหม่
อ่านข่าว แคนาดา แถลงการณ์ห่วงยุบ "อนาคตใหม่"
อ่านข่าว สหรัฐข้องใจสิทธิ์คนไทย 6 ล้านที่เลือกอนาคตใหม่หลังถูกยุบ
ประเด็นแรกในคดีหุ้นวีลัคมีเดีย ไม่ว่าการนำสืบจากพยานหลักฐาน พยานบุคคลที่ให้การและพยานแวดล้อม
และจากคำพิพากษากลาง และคำวินิจฉัยส่วนตน มีบางสิ่งบางอย่างบอกว่า ธนาธร ไม่ได้โอนหุ้นจริง คือไมต้องฟังว่าโอนหุ้นก่อนหรือหลังการสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ
แต่คำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการบางท่านบอกว่า ไม่มีการโอนหุ้นจริง แต่เป็นการโอนกันในภายหลัง เป็นการทำหลักฐานขึ้นมาใหม่
เพื่อให้เกิดความ ”เจือสม” ซึ่งศาลฯใช่คำนี้และคำนี้ไปอยู่ในคำวินิจฉัยส่วนตนของ ท่านนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
คือทำเพื่อตบตาให้คนรู้ไม่ทันได้เห็นว่า ธนาธร โอนหุ้นจริง โอนหุ้นก่อนที่จะสมัครรับเลือกตั้ง
มีเรื่องจะต้องพิจารณาว่า คนรุ่นใหม่อย่าง ธนาธร และเป็นคนที่มีความพร้อมทุกอย่าง ทั้งความรู้และเงินทอง
ทำไมจึงทำเรื่องที่กฎหมายเขียนเอาไว้ไม่ได้ กะแค่การโอนหุ้นสื่อ ที่เป็นข้อห้ามของคนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง
เพราะเป้าหมายของเขาคือเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนแปลงการปกครอง
น่าเสียดาย ที่เขาจะต้องถูกตัดสิทธิ์ สส. เพียงเรื่องง่ายๆ แค่นี้
ต่อมาล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิการเมือง กรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี
พรรคอนาคตใหม่ มีนักกฎหมายเก่งๆหลายคน แต่ทำไมถึงไม่ได้ศึกษาให้ดีว่า กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายกกต. และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกันจะได้ไม่ทำผิดกฎหมาย
กฎหมายเขาห้ามทำอะไร เราซึ่งเป็นพรรคการเมือง จะต้องรู้กติกาว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
เพราะก่อนที่ผู้สมัคร สส. จะไปหาเสียง ทางพรรคจะต้องมีการสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สมัคร สส.หรือสมาชิกพรรคอยู่แล้ว ทุกพรรคก็ทำเช่นนี้
อย่างเรื่องการเงินของพรรค พรรคการเมืองจะมีรายได้ทางไหนบ้าง กฎหมายได้เขียนไว้ในมาตรา 62 ว่ารายได้ของพรรคการเมืองได้มาแค่ 7 ทางคือ
(1) เงินทุนประเดิมตามมาตรา 9 วรรคสอง
(2) เงินค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมืองตามที่กําหนดในข้อบังคับ
(3) เงินที่ได้จากการจําหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง
(4) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง
(5) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการรับบริจาค
(6) เงินอุดหนุนจากกองทุน
(7) ดอกผลและรายได้ที่เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดของพรรคการเมือง
ในนี้ไม่มีกรณีเงินกู้เลย แต่ทำไม ธนาธร ถึงให้พรรคกู้เงินตั้ง191ล้าน ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้ และแม้น ธนาธร ไม่พูดเองแต่ ปปช.ก็ต้องเปิดเผยรายการกู้ยืมเงินอยู่ดี
มันขัดกฎหมาย หากรู้แต่แรกจะไม่ต้องทำ ไม่ต้องมาสร้างวาทกรรมหรือตีความเงินกู้ว่าเป็นหนี้สิน ไม่ใช่รายได้
หรือว่านักกฎหมายในพรรคอนาคตใหม่ ทราบดี ในข้อกฎหมายว่าเขาห้าม และทราบดีว่าหากจะให้เป็นการบริจาค ก็มีกำหนดไว้ในมาตรา 66 แต่บริจาคได้ไม่เกิน 10 ล้าน
หรือพรรคอยากใช้มากกว่านั้นเลย ใช้วิธีการเลี่ยงกฎหมายเหมือนที่ศาลวินิจฉัย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ อนาคตใหม่ จะไม่ทราบเลยหรือว่า จะมีใครจับผิดการกระทำดังกล่าวได้
แล้วทำไมถึงกล้าทำในเมื่อสุ่มเสี่ยง กฎหมายก็เขียนเอาไว้ว่า ถึงยุบพรรคและมีโทษทางอาญา
ไม่เข้าใจว่า ทำไม ปิยบุตร แสงกนกกุล นักกฎหมาย ถึงปล่อยให้มีการดำเนินการดังกล่าว จนใครต่อใครมองว่า เป็นการทำ นิติกรรมอำพราง