ข่าว

ถล่มยับชักธงดำ ศิษย์เก่า-นักวิชาการจี้ "จุฬาฯ" จัดการ

ถล่มยับชักธงดำ ศิษย์เก่า-นักวิชาการจี้ "จุฬาฯ" จัดการ

04 มี.ค. 2563

ถล่มยับชักธงดำ ศิษย์เก่า-นักวิชาการจี้ "จุฬาฯ" จัดการ หวั่นส่งสัญญาณผิด แฉนิสิตปี 3 แกนนำ "ไล่ลุง" ภาคปชช.โร่แจ้งความจับ แฟลชม็อบยันไม่คิดลบหลู่ คณบดีเต้นสั่งให้ตักเตือน

 

               ศิษย์เก่าจุฬาฯ-นักวิชาการรุมถล่มยับนิสิตสาวปี 3 ชักธงดำ ส่งหนังสือถึงคณบดีว่ากล่าวตักเตือน หวั่นเป็นการส่งสัญญาณผิด เป็นแบบอย่างไม่ดีแก่รุ่นน้อง ขณะที่ภาคประชาชนแจ้งความจับทำผิด พ.ร.บ.ธง ด้าน “กลุ่มจุฬาฯ รวมพล” แจงไม่คิดลบหลู่ จ่อลงบันทึกประจำวันเล็งเอาผิดรปภ.ถ่ายคลิป
 

อ่านข่าว "ศรีสุวรรณ" ซัดเดือด พวกต่ำตมในคราบนิสิต

 

               กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ลุกลามออกไปอย่างหนักหน่วงกรณีการจัดแฟลชม็อบของนิสิตจุฬาฯ และมีความพยายามชัก “ธงดำ” ขึ้นเสาโดยนิสิตชั้นปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมส่งเสียงกรีดร้องว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเข้ามาห้ามปราม ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม โดยหลายฝ่ายพยายามเรียกร้องให้ผู้บริหารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้

 

รุ่นพี่ซัดรุ่นน้องส่งสัญญาณผิด

 

               เมื่อวันที่ 3 มีนาคม กลุ่ม “CU Wisdom หรือกลุ่มเพาะต้นกล้านิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ได้ส่งหนังสือถึง คณบดีคณะอักษรศาสตร์ สำเนาเรียนอธิการบดี นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ ถึงการกระทำอันขาดจิตวิญญาณและทำลายเกียรติภูมิจุฬาฯ ของนิสิตคณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 คนหนึ่ง โดยการพยายามเอาผ้าสีดำชักขึ้นเสาธงจุฬาฯ นั้น ได้สร้างความกังวลใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่นิสิตเก่าว่าการแสดงออกของบุคคลดังกล่าวไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการกระทำของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

               “พวกเราในฐานะนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ในฐานะรุ่นพี่เข้าใจดีว่าน้องๆ มีสิทธิที่จะมีความคิดและสามารถแสดงออก ซึ่งความแตกต่างได้​แต่ต้องมีขอบเขต​และไม่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่สถาบันอันทรงเกียรติซึ่งเป็นที่รักและเทิดทูนของพวกเราชาวจุฬาฯ ทุกคน 

 

               การแสดงออกและกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสมตามที่เผยแพร่ผ่านสื่อทั่วประเทศ อาจส่งสัญญาณผิดๆ ให้นิสิตบางกลุ่มคิดว่ามีสิทธิเสรีภาพ โดยไม่มีขีดจำกัด โดยลืมคำนึงถึงเกียรติภูมิจุฬาฯ ที่ได้สร้างสมกันมากว่าหนึ่งศตวรรษ จึงเรียนมาเพื่อโปรดรับทราบความกังวลของพวกเรานิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพิจารณาว่ากล่าวตักเตือนนิสิตในคณะของท่าน เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่เพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นน้องๆ ของคณะอักษรศาสตร์ และคณะอื่นๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

 

แฉนิสิตสาวเป็นแกนนำไล่ลุง

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิสิตสาวคนดังกล่าวเคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายครั้ง โดยเฉพาะเป็นแกนนำวิ่งไล่ลุง และเคยไปยื่นหนังสือร่วมกับแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ทำเนียบรัฐบาล

 

               ขณะเดียวกัน คณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า เรื่องราวที่่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของสถานศึกษา ซึ่งไม่ได้ห้ามการแสดงออกของนิสิต แต่ต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ได้แจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาของนิสิตให้ตักเตือนแล้ว

 

อดีตผอ.ข่าวกรองสุดเสียใจ

 

               ขณะที่นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นจดหมายถึงคณบดีคณะอักษรศาสตร์​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความว่า ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯ​ ขอเขียนจดหมายถึงคณบดีคณะอักษรศาสตร์​ ด้วยความไม่สบายใจ​ และเสียใจ​ หลังจากได้เห็นคลิปที่มีนิสิตหญิงพยายามที่จะชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสาธงหน้าหอประชุมใหญ่​ ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใด​ หรือเหตุผลใด

 

               “ผมไม่ปฏิเสธว่า​ มหาวิทยาลัยต้องมีเสรีภาพในการศึกษา​ แต่ต้องไม่ใช่เสรีภาพในการกระทำที่สุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย​ ประการสำคัญ​ ธงชาติต้องอยู่บนยอดเสา​ ไม่ใช่ธงอื่น​ ธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเอกราชของประเทศ​ การแสดงความไม่พอใจทางการเมืองด้วยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต้องไม่ใช่การกระทำต่อธงชาติไทย

 

               เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้​ ต้องขอบ​คุณ​ และชมเชยเจ้าหน้าที่จุฬาฯ ที่พยายามทักท้วงและห้ามปรามไม่ให้นิสิตคนดังกล่าวได้กระทำตามความตั้งใจ อยากเรียกร้องให้คณบดีคณะอักษรศาสตร์ได้กระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก”

 

‘ดร.นิว’เชิญร้องเพลงเกียรติภูมิจุฬาฯ

 

               ด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยสถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุข้อความว่า #เกียรติภูมิจุฬาฯ น้องคนนี้ช่างมีความเป็นปัญญาชน มีกิริยามารยาทสมเป็นคนมีการศึกษาอย่างแท้จริง สมเป็นที่ภาคภูมิใจยิ่งของชาวจุฬาฯ จะช้าอยู่ไย...ขอเรียนเชิญชาวจุฬาฯ ทั้งหลาย ช่วยกันร้องเพลงเกียรติภูมิจุฬาฯ มอบให้แด่น้องคนนี้กันเถอะครับ

 

               “มาเถิดมาภารดาจุฬาฯ ทุกแหล่ง มาร่วมแรงร่วมรักและสามัคคี อาวุโสเทิดไว้ น้ำใจระเบียบเรานี้ พร้อมประเพณีเสริมให้มีแต่วัฒนา สีชมพู เชิดชูไว้คู่แดนไทย แสนยิ่งใหญ่และเกรียงไกรในวิทยา น้องพี่เราล้วนยิ้มแย้ม พักตร์แจ่มหฤหรรษา ยึดมั่นอุดมการณ์มาเพื่อผองประชาชาติไทยทั้งมวล ทั่วราชอาณาจักรนี้เราเป็นหลักอยู่แต่ละส่วนชาวจุฬาฯ จึงควรรู้ค่าแห่งเกียรติภูมิจุฬาฯ พร้อมกันอภิรักษ์ พิทักษ์ให้อยู่คู่ฟ้าวุฒิศักดิ์จุฬาฯ วัฒนาอยู่นิจนิรันดร์” #อนาคตของชาติ #เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป #เสาหลักจะไม่หักเพราะธงหาย #น้องชื่ออั้มเนโกะรึเปล่าครับ #flashmob #หึหึ #ประชาธิปไตยจอมปลอม #คณะอนาคตใหม่ถูกใจสิ่งนี้ #แนวร่วมคณะอนาคตใหม่จะไม่นำเสนอหรือบอกต่อสิ่งนี้ #โพสต์แบบนี้ขลังเพราะกันซอมบี้ได้

 

แจ้งจับชักธงดำผิดพ.ร.บ.ธง

 

               เวลา 10.30 น. นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายอภิชัย เพชรสม กรรมการและเลขานุการ เข้าพบ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษและให้มีการดำเนินคดีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับพวก ที่เป็นบุคคลที่อยู่ในคลิปชักธงดำว่า ได้กระทำการดูหมิ่น เหยียดหยาม ธงไตรรงค์ อันเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย ทำให้ชาติไทยได้รับความเสียหายต่อสายตาสื่อมวลชน นานาชาติ และลดเกียรติภูมิศักดิ์ศรีแห่งมาตุภูมิของชาติอย่างร้ายแรง เพราะธงชาติคือสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงถึงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

 

“ผู้กองปูเค็ม” ลั่นจัดการชักธงดำ

 

               วันเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ทรงกลด ชื่นชูผล ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหาร โพสต์ข้อความว่า นิสิตจุฬาฯ รุ่นน้อง ได้บังอาจลบหลู่ดูหมิ่นธงชาติ ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ผู้ใดกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

“สมชาย”อัดเลียนแบบอั้มเนโกะ

 

               นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า #ประชาธิปไตยก๊อปปี้เลอะเทอะจริงๆเลย เห็นคลิปที่คนบอกว่า เธอเป็นรองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัวแทนผู้จัดงานจุฬาฯ รวมพล ชักธงชาติลงเพื่อจะเอาธงดำขึ้น เลียนแบบ อั้มเนโกะ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เคยสร้างเหตุทำนองเดียวกันเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการทำการเมืองแบบบ้าๆ บอๆไปถึงหมิ่นสถาบัน จนกระทั่งสามารถขอลี้ภัยการเมืองไปอยู่ฝรั่งเศสสำเร็จตามปรารถนาแล้ว และผู้ร่วมแก๊ง 2คนที่ได้ดี

 

               “จากการกระทำแบบเอาไว้อวดว่าข้าแน่คือ นายคนหนึ่งในคลิป ได้เป็น ส.ส. ส่วนอีกคนได้ทุนไปเรียนต่ออินเดีย เธอคงจะได้ดูคลิปแล้วอินมากหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ดูคำพูดคำตะโกนเหมือนกันมากครับ หวังว่าเธอคงไม่ได้คิดจะได้ดิบได้ดี เพราะชักธงดำแทนธงชาติแล้วได้เป็นส.ส. หรือได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศบ้าง หรือขอลี้ภัยการเมือง กระมังครับ? ไม่อยากเดาให้เสียเวลา แต่ขอเตือนน้องๆ หน่อยครับ ว่าประชาธิปไตยก๊อบปี้แบบนี้ ไม่งดงามอะไรเลยจริงๆ ครับ หารูปแบบการนำการต่อสู้ที่เนื้อหาสาระ มีแก่นสารดีกว่าสู้ด้วยกระพี้ครับ”

 

ศรีสุวรรณจวกพวกต่ำตมในคราบนิสิต

 

               ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีนิสิตนักศึกษาสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง จัดกิจกรรมในลักษณะที่ไม่เหมาะสมว่า แค่อีเวนท์ชักธงดำที่จุฬาฯ พลิกผันทำให้แฟลชม็อบขาดความชอบธรรม กลายเป็นพวกต่ำตมในคราบนิสิต ที่แสร้งเอาหนังราชสีห์มาห่อตัวเองเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของพวกปัญญาทราม

 

หมอเหรียญทองซัดบุ่มบ่าม-คลุ้มคลั่ง

 

               ด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า พฤติกรรมการชุมนุมที่กระจายตามสถาบันการศึกษา แสดงให้เห็นถึงการชุมนุมที่มีความรวดเร็ว (Speed) เป็นพลัง แต่ยังขาดความอดทน (Endurance) และความยืดหยุ่น (Flexibilty)…ความอดทนและความยืดหยุ่นในที่นี้หมายรวมถึงกาย ใจ และสติปัญญา ของผู้ชุมนุมนะครับ

 

               "การขาดความอดทนและความยืดหยุ่น แสดงออกด้วยพฤติกรรมระเบิดอารมณ์อย่างบุ่มบ่าม จนแทบจะคลุ้มคลั่งขาดสติ เช่น การกรีดร้องเมื่อผิดหวังจากการไม่สามารถเปลี่ยนธงชาติได้ ทั้งๆ ที่เป็นแกนนำระดับผู้นำนิสิตนักศึกษา, การปราศรัยและการแสดงออกที่แสดงนัยเสียดสีพระมหากษัตริย์, การใช้ถ้อยคำหยาบคาย ฯลฯ หากสิ่งเหล่านี้คือ ผลผลิตหรือความคาดหวังจากอาจารย์ หรือขบวนการที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสู่ “อนาคตใหม่” โดยอาศัยพลังของคนที่สังคมยกย่องว่าเป็น ‘ปัญญาชน’ แต่กลับกลายเป็น “สามานย์ชน” เช่นนี้ ก็ไม่อาจนำมาซึ่ง ‘พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง’ ใดๆ ได้…เป็นได้แค่ “การชุมนุมของเด็กเกเรขาดการอบรม” เท่านั้น อย่างที่ผมเคยพูดแล้วนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ปีศาจแห่งกาลเวลาในตัวของมันเอง จะหลอกหลอนตัวมันเอง”

 

โบว์รับเกิดบรรยากาศอันตราย

 

               ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ ว่าความรอบคอบในการสื่อสารกับคนหมู่มากสำคัญเพียงใด และการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์นั้น หากเราไม่สามารถอธิบายให้สังคมเข้าใจอย่างทั่วถึงได้จริง ในกรณีที่มีความอ่อนไหวสูง ก็อาจนำมาซึ่งผลอันไม่พึงประสงค์ อย่างในครั้งนี้ ต่อให้สามารถชักธงดำขึ้นเสาและอธิบายกันในงานได้ หากภาพเผยแพร่ออกไป จะมีคนจำนวนมากไม่พอใจจากการตีความที่เพี้ยนไปได้หลายทิศทางทั้งโดยจงใจและไม่ตั้งใจ เกิดบรรยากาศที่เป็นอันตราย และทำให้การสร้างความเข้าใจเป้าหมายของการเคลื่อนไหวกับสังคมต่อไปเป็นไปด้วยความยากลำบาก

 

               “อยากขอร้องให้ทุกคนปฏิบัติต่อกันด้วยความเมตตาค่ะ หากเราเห็นเยาวชนเหล่านี้เหมือนน้อง เหมือนลูก เหมือนหลาน ที่มีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองเช่นเดียวกับพวกเราทุกคนแล้ว ก็ขอให้ได้ให้กำลังใจหากคุณเห็นด้วยกับพวกเขา ขอให้ให้อภัยหากคุณไม่พอใจในสิ่งที่เขาพยายามทำ และขอให้สละเวลาทำความเข้าใจหากยังสับสน สำหรับโบว์ พวกเขาคือ “น้อง” ร่วมชาติ ที่กำลังเรียนรู้และเติบโต เช่นเดียวกับผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่ก็ยังเรียนรู้และเติบโตทางความคิดได้ทุกวันค่ะ”

 

กลุ่มจุฬาฯรวมพล"แจงชัก“ธงดำ”

 

               ล่าสุดกลุ่มผู้จัดกิจกรรม “จุฬาฯ รวมพล” ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีการเผยแพร่คลิปชักธงดำ โดยระบุว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปของนิสิตจุฬาฯ ที่กำลังผูกธงสีดำภายหลังการนำธงชาติลงจากเสาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 18.05 น. และได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าห้ามปราม ทางกลุ่มผู้จัดกิจกรรม “จุฬาฯ รวมพล” ใคร่ขอชี้แจงดังนี้ 1.การนำธงชาติลงเป็นเวลาหลังเคารพธงชาติ เมื่อเวลา 18.00 น. อันเป็นเวลาเชิญธงชาติลงตามปกติของประเทศไทย หลังจากเจ้าหน้าที่ของจุฬาฯ ได้นำธงชาติออกจากเชือกตามหน้าที่แล้ว นิสิตจุฬาฯ ผู้ที่อยู่ในคลิปดังกล่าวจึงได้เข้าไปผูกธงสีดำไว้กับเชือกก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาห้ามปราม ภายในการจัดกิจกรรม “จุฬาฯ รวมพล” มิได้มีความพยายามในการชักธงชาติไทยลงเพื่อแทนที่ด้วยธงสีดำแต่อย่างใด

 

               2.การชักธงสีดำขึ้นครึ่งเสานั้น เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อไว้อาลัยแก่กระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ธงสีดำครึ่งเสาเคยถูกหยิบยกมาใช้ในการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์มาก่อนแล้วในประเทศไทย เช่น ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อันเป็นการชุมนุมทางการเมืองของนิสิตนักศึกษาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากรัฐบาลเผด็จการทหาร 3.คลิปที่ถูกเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์นั้นถูกบันทึกโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของจุฬาฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตนิสิตผู้อยู่ในคลิป ขณะนี้นิสิตคนดังกล่าวได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว และจะมีการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามนิสิตจุฬาฯ ผู้ที่อยู่ในคลิปดังกล่าวมิได้ประสบความสำเร็จในการชักธงดำครึ่งเสา เนื่องจากได้ถูกระงับโดยเจ้าหน้าที่ของจุฬาฯ

 

ยันไม่มีเจตนาลบหลู่ธงชาติ

 

               “จุฬาฯ รวมพลในฐานะกลุ่มของนิสิตจุฬาฯ ที่ต้องการรวมตัวเพื่อแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจต่อความยุติธรรมที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย จึงได้ทำแถลงการณ์ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแสดงจุดยืนว่า นิสิตคนดังกล่าวและกลุ่มผู้จัดกิจกรรมมิได้มีความต้องการให้ธงไตรรงค์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทยที่รักยิ่งของพวกเรานั้นแปดเปื้อนแต่อย่างใด หากแต่ต้องการพื้นที่ในการแสดงออกเมื่อเสียงของเราถูกกดทับจากรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรม และการบังคับใช้กฎหมายที่ตีความเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนยากที่จะได้ยินแม้เสียงกระซิบ”

 

"กษิต”วอนทุกฝ่ายลดขัดแย้ง

 

               นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นทางการเมือง ระบุว่า พลันหลังคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ บรรดาแกนนำก็ประกาศจะสู้ต่อบนท้องถนน ทำให้วิกฤติทางการเมืองไทยก็ได้ถูกยกระดับไปอีก อย่างไรก็ดี เพื่อจะช่วยลดอุณหภูมิความขัดแย้งในสังคมลงบ้าง ก็อยากฝากคำถามไปยังผู้นำคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายดังนี้ คณะอนาคตใหม่ การดำเนินนโยบายแบบชนดะ แบบนี้ จะเป็นผลดีต่อสังคมประชาธิปไตยไทยในระยะยาวแน่หรือ ?

 

               ส่วนฝ่ายรัฐบาล และกองทัพ การครองอำนาจบริหารระยะยาวโดยฝ่ายกองทัพนั้นส่งผลให้เกิดแรงต้าน และถูกนำไปขยายเป็นประเด็นเผด็จการทหารได้ ไม่ว่าจะมาจากกระบวนการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม ถึงเวลาหรือยังที่กองทัพจะพิจารณา ถอยหลังกลับเข้าสู่กรมกอง เลิกเกี่ยวข้องกับอำนาจบริหาร เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดสามารถนำไปโยงเป็นประเด็นเผด็จการทหาร ให้เกิดความขัดแย้งในสังคมได้อีก ก็ฝากไว้ให้ทั้งสองฝ่ายได้ใช้สติ ตรึกตรองโดยเอาผลประโยชน์ของชาติ ของสังคมเป็นที่ตั้ง ลดการเผชิญหน้ากัน ก่อนที่จะนำพาเอาความขัดแย้งทางความคิดของชาวไทย ไปสู่จุดที่ถอยออกจากวิฤติการเมืองไม่ได้ อย่างครั้งที่แล้วมา

 

เด็กชวนอัดพวกบิดเบือน

 

               ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีที่มีการกล่าวหาไม่ให้ความสำคัญกับการชุมนุมของนักศึกษา จึงไม่เห็นด้วยกับเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อนำเรื่องมาหารือในสภาว่า ไม่เป็นความจริง คนที่วิจารณ์ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด ถึงจะให้สัมภาษณ์สื่อดีๆ แต่มีการนำไปบิดเบือน เพราะความจริงนักศึกษาส่วนหนึ่งก็อยู่ในสถาบันที่เรียนมาแล้ว ถือว่าเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน แล้วจะไม่ห่วงใยและไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไร แต่เชื่อมั่นว่า พวกเขามีสติปัญญาเหนือกว่าพวกที่คอยยุยงและคิดว่าพวกเขาไม่เคยคิดเผาบ้านเผาเมือง

 

               นพ.สุกิจ กล่าวว่า จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ยังไม่แน่นอน แต่ก็มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่าย ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เรื่องนี้ถ้าจะเปิดสมัยวิสามัญก็ต้องเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับบ้านเมือง ก็สามารถเปิดได้เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตเห็นอยู่ว่าจะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่สุดก็บานปลาย ถ้าสภาได้เปิดสมัยวิสามัญแล้วนำเรื่องเหล่านี้มาพูดคุย และมีข้อเสนอแนะก็คงเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ แต่วิธีการที่จะเปิดสมัยวิสามัญก็ต้องอาศัยช่องทาง

 

“สมศักดิ์”อ้อมแอ้ม“อนุชา”ซิวเก้าอี้รมต.

 

               ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตรพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า ขณะนี้ยังไม่พูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว แต่เป็นปกติที่เวลาหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะมีข่าวลักษณะเช่นนี้ออกมา ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นจริงและบางครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง ดังนั้นต้องรอดู ตอนนี้เป็นเพียงกระแสที่มีการปล่อยออกมาตลอด ส่วนรายละเอียดนั้นไม่ทราบ

 

               ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มสามมิตรควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไรเพิ่มเติม เพราะคำว่ากลุ่มคงไม่มีการพูดกันอีก ส่วนที่ถามว่าถ้านายอนุชา นาคาศัย ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีในคราวนี้ ทางกลุ่มจะรวมตัวแสดงบทบาทหรือพลังเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ไม่น่าจะมี เพราะจะได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่มีกลุ่มหรือไม่มีกลุ่ม แต่อยู่ที่เป็นคนทำงานให้แก่ภาพรวมของส่วนรัฐบาลได้มากน้อยเพียงใด จึงไม่เชื่อว่าจะมีการตั้งกลุ่มขึ้นมากดดัน อย่าไปคิดแบบนั้น

 

“สุริยะ-ดอน-สนธิรัตน์”ปัดตอบ

 

               เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับ ครม. ว่าอาจถูกโยกย้ายไปเป็น รมว.พลังงาน ว่าเรื่องการปรับ ครม.เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และไม่เคยได้ยินว่านายกฯ จะปรับครม. ซึ่งตอนนี้กำลังดูแลเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ เรื่องสำคัญของบ้านเมืองในขณะนี้คือภัยแล้ง ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปดูเหมืองร้างต่างๆ หากพบว่ามีน้ำขังอยู่มากก็จะนำน้ำส่วนนี้มาช่วยชาวบ้าน

 

               เมื่อถามว่า หากมีการปรับครม.จริงพร้อมไปเป็น รมว.พลังงานหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่เชื่ออย่างนั้น ส่วนที่ถามกลุ่มสามมิตรจะรวมตัวนัดรับประทานอาหารอีกหรือไม่นั้น “ไม่มี"

 

               ขณะที่นายดอน​ ปรมัตถ์วินัย​ รมว.ต่างประเทศ​ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะลาออกจากตำแหน่งในช่วงของการปรับ ครม. โดยนายดอนไม่ได้กล่าวตอบใดๆ​ ได้แต่เพียงโบกมือให้แก่ผู้สื่อข่าว​ และรีบขึ้นไปประชุม​ ครม.ทันที

 

               ส่วนนายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์​ รมว.พลังงาน​ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.)​ กล่าวว่า​ เวลานี้เป็นเวลาที่ต้องช่วยกันทำงาน โดยเฉพาะเรื่องไวรัสโควิด-19 มุ่งทำงานก่อนดีกว่า และต้องให้เกียรติ​ พล.อ.ประยุทธ์​ ที่จะเป็นผู้พิจารณาเรื่องเหล่านี้ ส่วนที่ถามย้ำว่ช่วงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น​ ถือเป็นช่วงที่จะต้องมีการปรับ​ ครม.แล้วใช่หรือไม่นั้น อยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯ​ ไม่สามารถแสดงความเห็นได้

 

“เฉลิม”ยันอรุณไม่ร่วงยังมีภาคต่อ

 

               ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย (กพศ.)แถลงข่าวว่า เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปอภิปรายเอง แล้วมาพูดกระทบกระเทียบถึงว่าถ้าอภิปรายคงเก่งกว่าแต่ไม่พูดตรงๆ ก็แน่สิ ถ้าอภิปรายเก่งกว่าอยู่แล้ว รัฐบาลนี้ ตามดวงดาวไปอยู่แล้ว ฝากผู้เกี่ยวข้อง อะไรที่ทำไว้แล้วทำไม่เสร็จ ปล่อยปละละเลยจนเวลาผ่านมาเป็น 10 ปี อรุณจะรุ่ง ทั้งนี้ ไม่เคยรู้จัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และไม่จำเป็นต้องรู้จัก สื่อชอบไปเขียนกันเอง

 

อนค.มั่นใจ55สส.ร่วมไปต่อ

 

               วันเดียวกัน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกอดีตพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึงกรณีเปิดตัวพรรคใหม่พร้อม ส.ส. 55 คน ว่า ขอยังไม่เปิดเผยข้อมูลในขณะนี้ อยากแจ้งพร้อมกันในวันที่ 8 มีนาคม นี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นกลุ่ม ส.ส. รวม 55 คนจะก้าวไปสู่พรรคใหม่ด้วยกัน เพราะมีการพูดคุยกันตลอด และยืนยันว่าจะไปสังกัดพรรคใหม่ด้วยกัน ส่วนกำหนดการเราจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง เพราะยังมีการประชุมมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่าเราจะไปสมัครที่ไหน อย่างไร เวลาใด โดยภายหลังการประชุมมีข้อยุติแล้ว จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบถึงกำหนดการที่ชัดเจนอีกครั้ง

 

               เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีการซื้อตัว ส.ส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ อีกหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า หลังจากเราประกาศว่าทั้ง ส.ส. 55 คน ยืนยันว่าจะไปพรรคใหม่ด้วยกัน ร่วมเดินทางด้วยอุดมการณ์เดียวกัน กระแสการซื้อตัวก็เริ่มลดถอยลง ไม่ค่อยมีการติดต่อเข้ามาแล้ว และคาดว่าทางรัฐบาลน่าจะได้จำนวน ส.ส.ที่คาดไว้แล้ว ทั้งนี้หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีการยุบพรรคอนาคตใหม่มี ส.ส.ถูกซื้อตัวไปรวม 10 คน ไปอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย 9 คน และพรรคชาติพัฒนา 1 คน มั่นใจว่ากลุ่ม ส.ส.ทั้ง 55 คนที่เหลืออยู่จะเดินหน้าไปด้วยกัน